ปลัดมท.ประชุมติดตามแก้ปัญหา ไฟป่า-หมอกควัน-ฝุ่นPM2.5 พื้นที่ 62 จังหวัด
30 มี.ค. 2566, 15:29
วันนี้ ( 30 มี.ค.66 ) เวลา 10.00 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามและแก้ไขปัญหากรณีไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายรัฐพล นราดิศร นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ นางสาวชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เรือโท ภัทรชัย ขันธหิรัญ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 62 จังหวัด ได้รับเมตตาจาก พระอาจารย์วิบูลย์ พุทธอุทยานดอยอินทรีย์ จังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมผ่านระบบ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติบูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ด้วยการยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ 8 มาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหา อย่างเข้มข้น โดย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้มอบนโยบายและกำกับติดตามการดำเนินงานแก้ไขสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การซักซ้อม การเตรียมการในเรื่องการป้องกัน และการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ดำเนินการทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหากันอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับ รับทราบการดำเนินงานพร้อมทั้งให้กำลังใจท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและทีมงานทุกระดับ ในการดำเนินทุกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ฯ ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูง อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย และนครนายก
“เมื่อวานนี้ ตนได้ลงพื้นที่ร่วมกับท่านพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ซึ่งท่านนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานสถานการณ์สาธารณภัยที่กำลังเผชิญในขณะนี้ ที่นอกจากต้องเผชิญกับไฟป่า หมอกควัน PM2.5 แล้ว ยังต้องบริหารจัดการภัยอื่น ๆ ทั้งวาตภัย พายุลูกเห็บ ฯลฯ ผู้บังคับบัญชาเข้าใจดีว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดมีภารกิจที่เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส และต้องเผชิญเหตุกับสาธารณภัยทั้งตามฤดูกาล และนอกฤดูกาล จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกจังหวัดว่าผู้บังคับบัญชาทุกท่านทราบว่าท่านทำงานหนัก และขอให้ทุกท่านได้อดทน ไม่ย่อท้อ ในการบริหารสถานการณ์และแก้ไขปัญหา บรรเทาสถานการณ์ให้กับพี่น้องประชาชน เพราะไฟป่า หมอกควัน PM2.5 เป็นเหตุที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพพลานามัยของประชาชน โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ และการที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นภูมิแพ้ และซ้ำร้ายทรัพยากรธรรมชาติที่ความอุดมสมบูรณ์เหลือน้อยแล้ว ก็ต้องถูกไฟเผาทำลายให้เหลือน้อยลงไปอีก จึงจำเป็นที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่จะต้องช่วยกันร่วมไม้ร่วมมือกับหน่วยราชการที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดูแลเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ที่มีไฟป่าอยู่เยอะ กระทรวงอุตสาหกรรมที่กำกับดูแลโรงงาน ไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล อันเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกิดหมอกควัน PM2.5 รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งชาวนา ชาวไร่อื่น ๆ และกระทรวงคมนาคม ที่ดูแลเรื่องการก่อสร้างถนน ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในเขตเมือง ยวดยานพาหนะ ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดสถานการณ์ ที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเป็นผู้นำการขับเคลื่อนโดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด ปภ.จังหวัด และส่วนราชการในพื้นที่ บูรณาการทุกภาคส่วนหาทางป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้กับประชาชนในทุกช่องทางสื่อสาร ให้ประชาชนได้ทราบถึงแนวทางการแก้ปัญหา เพราะสังคมหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ในการระงับเหตุที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นเรื่องไฟป่า ที่ตอนนี้ประชาชนอยากได้รับข้อมูล ข้อความที่ชัดเจน เพื่อให้พวกเขาได้อุ่นใจว่าพวกเราจะช่วยกันในการที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เข้มแข็ง” ปลัด มท. กล่าวในช่วงต้น
ปลัด มท. กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่สำคัญ คือ 1) ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องตื่นตัวในการสวมบทบาทผู้นำของจังหวัด ผู้อำนวยการจังหวัดในพื้นที่ ที่จะช่วยกันระดมสรรพกำลัง ทั้งส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องประชาชน อาสาสมัครประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่ขณะนี้กำลังเผชิญปัญหาไฟป่า หมอกควันรุนแรง 2) ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำให้สังคมได้ประจักษ์ว่าทางราชการทำอย่างเต็มที่แล้ว ด้วยการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน และภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนให้ชัดเจนถึงขั้นตอนการปฏิบัติ ขั้นตอนการทำงาน ทำให้พี่น้องประชาชนและสังคมได้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท สร้างความอุ่นใจผู้ปฏิบัติและประชาชน และอย่าทดท้อกับการที่จะถูกบ่นถูกว่า “ต้องอดทนอดกลั้น ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในการช่วยกันสร้างความอบอุ่นให้กับพี่น้องประชาชน” 3) ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพี่น้องจิตอาสา อาสาสมัครอย่างยิ่งยวด ด้วยการมีระบบในการวางแผน อำนวยการ ควบคู่กับการช่วยกันดูแลทำให้ทิศทางของไฟป่าไปในทิศทางที่สามารถจำกัดวงไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านเรืองพี่น้องประชาชนได้ผลเป็นอย่างดี และ 4) ในแง่วัสดุอุปกรณ์ของส่วนกลาง โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ KA-32 ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประเมินระดับสถานการณ์และหากพื้นที่ใดต้องการขอรับการสนับสนุนให้ประสานมายังอธิบดี ปภ. โดยทันที
“การทำงานในภาวะจำกัด การสื่อสาร อธิบาย และการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ทั้งทางอากาศ และภาคพื้นดิน จะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจ โดยต้องสื่อสารชัดเจน ทั้งในรูปแบบและนอกรูปแบบ ทั้งหอกระจายข่าว รถกระจายเสียงเคลื่อนที่ เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดไปเผชิญเหตุพื้นที่ในชนบท เขตป่าเขา ต้องอธิบายให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ เช่น รถดับเพลิงทำไมต้องรอแก้ไขสถานการณ์ตามแนวหมู่บ้าน เพราะต้องวางแนวป้องกันไฟไม่ให้ลามเข้าบ้านประชาชน เพราะมันมีกองหญ้า ฟาง และขอให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ของจังหวัด/พื้นที่เกิดเหตุต้องทำงาน 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะช่วยรับแจ้งเหตุ รับเรื่องราวร้องทุกข์ สแตนบายสายด่วนนิรภัย 1784 และสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เน้นย้ำต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่เวรยาม ระวังเหตุ เพื่อให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ มีลู่ทางในการแจ้งเหตุ” ปลัด มท. กล่าวเน้นย้ำ
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย นครนายก น่าน และสระบุรี ได้รายงานสถานการณ์ และได้รับเมตตาจากพระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ จังหวัดเชียงราย ได้เล่าถึงการทำงานภาคจิตอาสาร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี ในการป้องกันสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน
ด้าน นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวรายงานจากศูนย์บัญชาการเหตุการณ์องค์การบริหารส่วนตำบลเขาพระว่า สถานการณ์ของจังหวัดนครนายก เมื่อ 28 มีนาคม 66 ช่วงกลางคืน มีพายุแต่ไม่มีฝน มีลมแรง ส่งผลทำให้เกิดไฟไหม้เขาชะพลู และต่อมาวันที่ 29 มีนาคม ก็มีเพียงลม โดยแรงลมทำให้ไฟปะทุทิศทางเขาแหลม โดยเมื่อคืนนี้ทิศทางลมมีความรุนแรงทำให้เขาแหลมส่วนหน้าไหม้ทั้งเขา มีพื้นที่รวม 700 ไร่ โดยเป็นในส่วนหน้าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไหม้ประมาณ 500 ไร่ และในส่วนตอนหลังเขาพระ ประมาณ 200 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ไหม้บริเวณสันเขา โดยเมื่อช่วงเช้า ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกันกับผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และได้ยกระดับตั้งเป็นศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันระดับจังหวัด และเมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ ได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ KA-32 และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพมาด้วย และเมื่อเวลา 10.30 น. ได้ใช้โดรนบินเข้าไป มีชุดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นทีมชี้เป้า เพื่อประเมินสถานการณ์ และทีมท้องที่ ท้องถิ่น สแตนบายบริเวณตีนเขา เพื่อควบคุมสถานการณ์ โดยในส่วนของน้ำที่ใช้ในการดับไฟ ใช้แหล่งน้ำห้วยปรือเป็นหลัก และได้รับการประสานจากหน่วยอินทรีย์ (ภาคเอกชน) ช่วยเครื่องฉีดน้ำระยะไกล และทำระบบตัดทางไฟ ใช้เส้นทางเดิน (ทางดำ) เป็นเส้นทางเดินเป็นหลัก และเราไล่เคลียร์จุดอันตรายบริเวณเขาพระ และล่าสุดไฟบริเวณสันเขาไม่สามารถเดินได้ จึงใช้อากาศยานเป็นหลัก
“จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าจะสามารถควบคุมได้ภายในไม่เกิน 5 วัน แต่จังหวัดนครนายกจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ภายใน 3 วัน” ผวจ.นครนายก เน้นย้ำ
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดี ปภ. กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ PM2.5 ปี 65-66 สถานการณ์ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบไฟป่า ในเดือนมีนาคม 27 จังหวัด ทั้งเหนือ กลาง อีสาน โดยขณะนี้จังหวัดที่ยังมีสถานการณ์ นครนายก เชียงราย เชียงใหม่ สำหรับในการขอรับการสนับสนุนเครื่องมือจากส่วนกลาง ปภ. ได้ประสานทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกจังหวัด โดยหากพื้นที่ใดเป็นพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะ เช่น ไฟจะลามเข้าสถานที่สำคัญ หมู่บ้าน/ชุมชน หรือแหล่งท่องเที่ยวที่จะกระทบเศรษฐกิจ รวมถึงพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้กำลังภาคพื้นดินเข้าไปช่วยได้ ถ้าพิจารณาแล้วต้องใช้อากาศยาน ให้ประสานโดยด่วน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำช่วงท้ายว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้กำชับท่านนายอำเภอเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ และประสานกับ อปท. ทุกแห่งสนับสนุนการแก้ไขสถานการณ์ตามอำนาจหน้าที่ และขอเป็นกำลังใจให้กับพื้นที่ แต่อย่างไรก็ดีจังหวัดที่มีเหตุรุนแรงขณะนี้ ขอให้ทุ่มเทสรรพกำลังดำเนินการให้พี่น้องอุ่นใจ ในส่วนจังหวัดที่ไม่มีสถานการณ์รุนแรง ขอให้เตรียมแผนสำหรับดำเนินการ ซึ่งต้องเป็น “แผนที่ยั่งยืน” ด้วยหัวใจ คือ “นายอำเภอเป็นผู้นำสำคัญที่จะดึงความรักความสามัคคีมาช่วยกันตามหลักการสามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดิน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นกรอบวิธีการในการช่วยกันวางแผน “ป้องกัน” และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน PM2.5 โดยต้อง kick off ทันทีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องรอให้เกิดเหตุก่อน หรือเข้าหน้าแล้งก่อน เพิ่มความเข้มข้นมาตรการตามสถานการณ์แต่ละพื้นที่ให้ได้ผล เพิ่มความรอบคอบรัดกุม และการสื่อสารกับสังคมเชิงรุก เพื่อที่จะทำให้พี่น้องประชาชนมีความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องตามสถานการณ์ในพื้นที่”