โฆษกฯ เผย ธนาคารโลกคาด เศรษฐกิจไทยปี 66 เติบโต 3.6% แรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศ-การท่องเที่ยว
5 เม.ย. 2566, 09:53
วันนี้(5 เม.ย. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะเติบโตได้ร้อยละ 3.6 เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่เติบโตร้อยละ 2.6 พร้อมประเมินว่าในปีหน้า (พ.ศ. 2567) เศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณร้อยละ 3.7 ส่วนปี 2568 คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 3.5 ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของไทยในทุกด้าน เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยฟื้นฟู ผลักดันเศรษฐกิจไทยให้โตอย่างมีเสถียรภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในรายงานยังระบุว่า ประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รวมทั้งไทย จะเติบโตเร็วขึ้นในปีนี้ เนื่องจากการกลับมาเปิดประเทศของจีน และมีเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น แม้จะยังมีอัตราเงินเฟ้อสูง และหนี้ครัวเรือนจะยังคงส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภคในบางประเทศ ทั้งนี้ แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยยังมาจากการบริโภคภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 68 ของช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด รวมทั้งเสถียรภาพทางการคลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากสัดส่วนหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเชื่อว่าจะยังเติบโตได้ในระดับร้อยละ 3.5-3.7 เมื่อมองไปในระยะข้างหน้า โดยในรายงานมองว่า ไทยยังมีโอกาสที่จะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากยังมีศักยภาพและเสถียรภาพด้านการเงิน และการคลัง ที่จะสามารถนำมาใช้ในการปฏิรูปเศรษฐกิจได้
"นายกรัฐมนตรี ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนฟื้นฟูผลักดันเศรษฐกิจ ยินดีเศรษฐกิจไทยได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศของจีน โดยในรายงานยังคาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 27 ล้านคน และในปีหน้าจะมีจำนวนสูงกว่าที่เดินทางเข้ามาในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมเดินหน้าใช้ศักยภาพเด่นของไทยปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง เป็นรูปธรรม และอย่างมีเสถียรภาพ" นายอนุชาฯ กล่าว