พณ.เล็งสอบ 252 บริษัทส่อนอมินี ลุยลงพื้นที่เช็ก "เชียงใหม่-ภูเก็ต-สุราษฎร์"
15 เม.ย. 2566, 08:25
เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีแนวทางการป้องปรามธุรกิจที่มีลักษณะนอมินีตั้งแต่ขั้นตอนการจดทะเบียน โดยก่อนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล กรมจะตรวจสอบเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยที่ลงทุนหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าว เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือว่าคนไทยที่ร่วมลงทุนมีฐานะทางการเงินที่สามารถลงทุนด้วยตนเองได้ และเมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกรมยังกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง เป็นแผนงานโครงการตรวจสอบประจำปี
โดยคัดเลือกกลุ่มเสี่ยงที่มีข้อบ่งชี้ว่าอาจเป็นการประกอบธุรกิจตามบัญชีท้ายโดยให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เช่น ธุรกิจที่คนต่างด้าวถือหุ้นไม่ถึง 50% ธุรกิจมีคนต่างด้าวเป็นผู้มีอำนาจกระทำการ การกำหนดให้สิทธิคนต่างด้าวมากกว่าคนไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิการออกเสียงลงคะแนน สิทธิการรับเงินปันผล รวมทั้งสิทธิการรับคืนทุนเมื่อเลิกกิจการ เป็นต้น นอกจากนี้ กรมยังนำเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตัวอย่างเช่นการกู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงินแก่คนต่างด้าวโดยมีเงื่อนไขที่ผิดปกติในทางการค้าหรือทางธุรกิจการเงินทั่วไป มาประกอบการพิจารณาด้วย
สำหรับปีงบประมาณ 2566 กรมกำหนดกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบ 3 กลุ่มธุรกิจ เป็นธุรกิจตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต โดยครึ่งปีแรกปีงบ 2566 (ตุลาคม 2565-มีนาคม 2566) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ใน 3 จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี
“ครึ่งปีแรกพบว่ามีสำนักงานบัญชีและกฎหมายหลายแห่งที่ทำหน้าที่แนะนำหรือจ้างคนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนคนต่างชาติ เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยให้คนไทยถือหุ้นสัดส่วน 51% และต่างชาติถือหุ้น 49% ทำให้บริษัทนั้นมีสถานะเป็นนิติบุคคลไทยและประกอบธุรกิจได้โดยไม่ต้องอนุญาต ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาที่ถือครองหุ้นและข้อมูลการประกอบธุรกิจเพิ่มเติม หากตรวจสอบพบว่ามีคนไทยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ร่วมประกอบธุรกิจแทนคนต่างด้าว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว จะเข้าข่ายเป็นความผิดลักษณะนอมินีจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เร็วๆ นี้จะลงตรวจนอมินีเพิ่มเติมอีก 252 ราย” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ การกระทำความผิดส่วนใหญ่เกิดจากคนไทยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือมีที่ปรึกษากฎหมายแนะนำให้หลีกเลี่ยงกฎหมาย จึงขอเน้นย้ำให้คนไทยอย่าหลงเชื่อหรือให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความผิดทั้งนิติบุคคล ผู้ให้ความช่วยเหลือ และผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว โดยมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน