"นักวิชาการ" เผยค่าฝุ่นพิษพุ่งสูงเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งทุกภูมิภาค พบสาเหตุหลักคือการเผา
15 เม.ย. 2566, 09:12
รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก "Witsanu Attavanich" โดยระบุว่า
เช้านี้ (15 เม.ย. 66) กรุงเทพฯ อ่วมฝุ่นพิษ PM2.5 ระดับอันตรายมากต่อสุขภาพต่อเนื่อง พื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ยังเผาหนัก ภาคเหนือวิกฤติหนักต่อเนื่อง อีสาน กลาง ใต้ ตะวันออก และตะวันตก ครบทุกภูมิภาคเผชิญกับคุณภาพอากาศในระดับอันตรายมากต่อสุขภาพต่อเนื่อง เสี่ยงมะเร็งเพิ่มทุกภูมิภาค ต้องเร่งผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ก่อนที่คนไทยจะป่วยเป็นมะเร็งกันทั้งประเทศ ถ้ากฎหมายปัจจุบันใช้ได้จริง ทำไมมลพิษทางอากาศไม่หมดไป และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น? ยิ่งเฉยสุขภาพเราและคนที่เรารักยิ่งแย่ เชิญชวนชาวไทยร่วมใจสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ภาคประชาชน โดยเข้าไปที่ลิงก์นี้ change.org/CleanAirActTH ครับ
ฝุ่นพิษสูงเกินค่าแนะนำ WHO อย่างน้อย 15 เท่าที่แม่ฮ่องสอน 13 เท่าที่เชียงราย 9 เท่าที่พะเยา 8 เท่าที่เชียงใหม่ 7 เท่าที่ลำปางและเพชรบูรณ์ 6 เท่าที่ลำพูน กำแพงเพชร หนองคาย และหนองบัวลำภู 5 เท่าที่เลย อยุธยา และสมุทรสงคราม 4 เท่าที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร (รายงานโดย IQ Air) (ภาพที่ 1-3) หมายเหตุ (สีเทา=อันตรายมากๆๆ ต่อสุขภาพ; สีม่วง=อันตรายมากๆ ต่อสุขภาพ; สีแดง=อันตรายมากต่อสุขภาพ; สีส้ม=อันตรายมากต่อสุขภาพของกลุ่มเสี่ยง)
สาเหตุหลักของฝุ่นพิษวันนี้ยังคงมาจากการเผาในที่โล่งแจ้งที่อยู่ในระดับสูงในอาเซียนตอนบนและยังเผชิญกับปรากฏการณ์ฝาชีครอบต่ำต่อเนื่อง พร้อมกองฝุ่นเดิมจากเมียนมาร์ผสมไทยที่ถูกพัดไปรวมกันเหนือทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งตอนนี้ถูกลมตีกลับเข้าฝั่งทำให้กระทบกันถ้วนหน้า แถมยังได้ฝุ่นพิษบางส่วนเดินทางมาไกลจากอินเดียสมทบเพิ่ม (ภาพที่ 4-5) พื้นที่รอบกรุงเทพฯ มีการเผาในภาคเกษตรต่อเนื่อง (ภาพที่ 6) วันนี้เมียนมาร์และกัมพูชาเผาเพิ่ม ขณะที่ สปป.ลาวและไทยเผาลดลง เมียนมาร์ยังครองอันดับ 1 ในอาเซียนต่อเนื่อง จุดความร้อนที่รายงานโดย GISTDA ณ 14 เม.ย. พบว่า จุดความร้อนที่เมียนมาร์เพิ่มจาก 6,916 จุด เป็น 6,999 จุด ขณะที่ สปป.ลาวเผาลดลง จาก 3,061 จุด เป็น 2,618 จุด ตามด้วยไทยที่เผาลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวานจาก 1,176 จุด เป็น 1,096 จุด และกัมพูชาเผาเพิ่มจาก 68 จุด เป็น 133 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ภาคเกษตรโดยรวมของประเทศไทยมีการเผาเพิ่มขึ้น ข้าวครองแชมป์ต่อเนื่อง โดยจุดความร้อนที่พบในข้าวเพิ่มจาก 93 จุด เป็น 101 จุด ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เผาเพิ่มจาก 86 จุด เป็น 94 จุด ตามมาด้วยอ้อยโรงงานเผาเพิ่มจาก 13 จุด เป็น 15 จุด ส่วนการเผาในภาคป่าไม้วันนี้ลดลงจาก 878 จุด เป็น 779 จุด แม้ภาคเกษตรและเผาน้อยกว่าภาคป่าไม้ แต่ถ้าสังเกตในเชิงพื้นที่จะพบว่าการเผาในภาคเกษตรกระทบสุขภาพกับคนในเมืองจำนวนมาก ต้องเร่งออกกฎหมายอากาศสะอาดที่สามารถดำเนินมาตรการกับบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการเผาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเร่งให้การช่วยเหลือเกษตรกรและชาวบ้านแบบมีเงื่อนไขเพื่อการปรับตัวไปสู่การไม่เผา
รักษาสุขภาพนะครับทุกคน กลุ่มเสี่ยง เด็ก คนสูงวัย และสตรีมีครรภ์ ตรวจค่าฝุ่นก่อนออกนอกบ้าน และงดกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่ฝุ่นสูงนะครับ อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นได้ก่อนออกจากบ้านและไม่ประมาทกับมัจจุราชมืด ย้ำอีกครั้งช่วยกันเชิญชวนเพื่อนๆ ด้วยการสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ภาคประชาชน ผ่านแคมเปญลิงก์ตรงนี้กันนะครับ change.org/CleanAirActTH สละเวลาสักนิดเพื่อปอดและสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารักนะครับ