"รองโฆษกฯ" เตือนผู้ปกครองพาบุตรหลาน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบ 2 เข็ม หลังพบผู้ป่วยมากในพื้นที่ฉีดวัคซีนต่ำ
26 เม.ย. 2566, 10:44
วันนี้ (26 เม.ย. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้รายงานถึงสถานการณ์โรคหัดในประเทศไทย ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยโรคหัด จำนวน 230 ราย และในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19 เม.ย. 2566 พบว่ามีรายงานผู้ป่วยโรคหัด จำนวน 79 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 0.12 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พบอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ กลุ่มอายุแรกเกิด - 4 ปี (35.44 %) กลุ่มอายุ 25-34 ปี (18.99 %) และกลุ่มอายุ 35-44 ปี (16.46 %) ตามลำดับ
โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ยโสธร ภูเก็ต ยะลา นราธิวาส และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ แต่ยังไม่พบการระบาดเป็นกลุ่ม ขณะเดียวกันมีการรายงานการติดโรคหัดในต่างประเทศซึ่งผู้ป่วยมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศไทย จำนวน 2 ราย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค คาดการณ์ว่าด้วยสภาพอากาศในช่วงนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคหัดได้ และโรคหัดติดต่อผ่านทางเดินหายใจมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ ไอแห้งๆ มีน้ำมูก และตาแดง หลังจากมีไข้ประมาณ 3–4 วัน จะเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้นที่ใบหน้า แล้วค่อยลามไปแขนและขา เมื่อผื่นขึ้นประมาณ 1-2 วัน ไข้จะเริ่มลดลง โดยในผู้ป่วยบางรายสามารถพบภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้
“โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด (MMR) ตั้งแต่วัยเด็ก กรมควบคุมโรคแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม เข็มแรกเมื่ออายุ 9 -12 เดือน และเข็มที่สองตอนอายุ 2 ปีครึ่ง ทั้งนี้ โรคดังกล่าวมักเกิดการระบาดในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 95% ประชาชนควรพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีน ตามเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อมีอาการไข้ ไอ และผื่นขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เมื่อได้รับการวินิจฉัยยืนยันโรคหัดแล้ว ควรหยุดเรียนหรือหยุดงานประมาณ 4 วันหลังจากผื่นขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422”น.ส.ไตรศุลี กล่าว