เปิดใจ! สาว 17 โผล่ร้อง ผบช.ภ.7 คาดแม่เป็นเหยื่อรายที่ 11 ถูกวางยา
27 เม.ย. 2566, 14:57
มาอีกราย เป็นรายที่ 11 สา 17 ปี เข้าพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของแม่ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกับผู้ตายก่อนหน้า เชื่อตกเป็นเหยื่อ นางสาว อ (นามสมมติ) แน่นอน บอกทั้งน้ำตาสูญเสียทุกอย่างเพราะมีคนมาฆ่าแม่ รวมถึงอีกหลายคน ด้าน ผบช.ภ.7 สั่งตั้งศูนย์รับเรื่องพร้อมส่งทีมติดตามคดีที่สงสัยทั้งหมด ย้ำทั้งสถานปฏิบัติธรรม วงแชร์ เรียกรื้อแน่ ขอให้ญาติมั่นใจ
วันนี้ 26 เมษายน 66 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภูธรภาค 7 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้เรียกประชุมด่วนในการคลี่คลายเหตุมีผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย จาก 10 ราย ซึ่งมีความพัวพันกับ นางสาว อ (นามสมมติ) อดีตภรรยาของรองผู้กำกำกับการตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและพูดถึงพฤติกรรมที่มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง โดยมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้และกำลังอยู่ในช่วงการขยายผลเพื่อหาความเชื่อมโยงต่างๆ หลังจากมีการออกหมายจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว
โดยในการประชุมดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มอบหมายให้ทีมงานสืบสวนและสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งควบคุมโดยรับดับรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 7 ในการทำงานร่วนกันเพื่อคลี่คลายคดีโดยมีนายาระตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัดทุกแห่งในสังกัดเข้าร่วมในการประชุม ซึ่งในที่ประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดและไม่เปิดสื่อมวลชนเข้าไปรับฟังข้อมูล
โดยในเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิวิน วิน ได้นำตัว น.ส.มด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี มาพบกับ ล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เพื่อมาขอร้องเรียนและให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ น.ส.อ (นามสมมติ) เนื่องจากนางรจลิน นิลห้อย หรือเจ๊น้อย อายุ 39 ปี ได้เสียชีวิตลักษณะเดียวกันกับเหยื่อทั้ง 9 ราย โดยได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 65 ที่ผ่านมา
น.ส.มด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บอกว่า วันเกิดเหตุ ตนเองได้อยู่กับแม่ก็ยังปกติดีแต่พอกลับจากทำผมมีลูกน้องตามขึ้นมาบอกว่าแม่เป็นลมแต่พอลงมาดูเห็นแม่ชักอาการมึนงงอาเจียนน้ำลายฟูมปากจึงได้แจ้งกู้ภัยก็จะส่งโรงพยาบาลโดยได้ส่งตัวไปที่ห้องอายุรกรรม แต่ยังไม่ทันได้ซักประวัติแม่ได้หัวใจหยุดเต้น หมอได้ทำการช่วยชีวิตแต่ไม่ทัน แม่เสียชีวิตในเวลาไม่นาน ลักษณะมีน้ำลายฟูมปาก ตัวเย็น เล็บดำ โดยใบชันสูตรระบุว่าเลือดเป็นกรด
น.ส.มด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บอกต่อว่า ก่อนหน้า น.ส.อ (นามสมมติ) ไม่เคยมาทำการรู้จักกับที่บ้านมาก่อน แต่ทราบว่ามีการติดต่อกับทาง เฟซบุ๊ก ซึ่งแม่จะคุยกับเขาช่วงกลางคืนโดยจะคุยเรื่องเงิน กับการจำนองรถ ซึ่งวันหน้าไม่นานแม่ได้โอนเงินไปให้เขา 60,000 บาท โดยมีเงินตนเองในนั้น 20,000 บาท ตนเองก็ได้ถามแม่ว่าโอนไปทำไม แม่บอกแค่ว่า น.ส.อ (นามสมมติ) ยืมเท่านั้น ซึ่งแม่มาตายก่อนวันคืนเงินเพียง 1 วัน
น.ส.มด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บอกต่ออีกว่า หนูมีข้อสังเกตคือ ในช่วงที่แม่กลับมาจากทำผม และมีอาการน๊อคไป หนูได้เก็บมือถือของแม่ไว้ แต่ก็มีสาย น.ส.อ (นามสมมติ) โทรมาหาแม่ ซึ่งกำลังจะคุยอาการกันทางเจ้าหน้าที่ได้มาเรียกไปสอบถามข้อมูล ก็ได้วางสายและหายตัวไปซึ่งในงานศพก็ไม่มา แต่เคยมีการทวงเงินไปเขาได้บอกว่าแม่ยืมไป ก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
“หนูอยากจะบอก ว่าเขาไม่ได้ฆ่าแม่หนูเพียงคนเดียวแต่เขาฆ่าหลายคน และเชื่อว่าเขาน่าจะมีส่วนกับการตายของแม่ อยากจะบอกว่าเขาทำลายชีวิตหนูแม้พ่อแม่จะหย่ากัน หนูก็มีแม่มา 17 ปี มีอะไรจะสอบถามแม่ทุกเรื่อง ซึ่งตอนนี้สับสนไปไม่ถูกและอยากให้ตำรวจสืบสวนเอาเขาให้จนต่อหลักฐานและดำเนินคดีถึงที่สุด” น.ส.มด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี กล่าวด้วยน้ำตา
ด้าน นายสงกรานต์ อดีตแฟนของนางน้อย ผู้ตายได้มาด้วย บอกว่าแม้ตอนนี้ตนเองจะเลิกลากับผู้ตายไปแล้วแต่ก็ทราบว่ามีการติดต่อกับน.ส.อ (นามสมมติ) โดยได้เตือนไปว่าจะไปคบหาทำไมไว้ใจได้หรือไม่ แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาไปคบหากันอย่างไร แต่ในวันที่เขาเสียชีวิตเขาไปข้างนอกและถือถุงคาดว่าจะเป็นสลัด เดินกลับเข้ามา น่าจะรับประทานเข้าไป โดยลูกน้องชายพม่า ได้เข้าไปช่วยพยุง พบว่าอาเจียนมีน้ำลายฟูมปาก แต่ยังไม่เสียชีวิตและได้รีบแจ้งกู้ชีพให้มารับตัวไปก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งลูกจ้างบอกว่าไม่เคยเห็น น.ส.อ (นามสมมติ) มาก่อน เพิ่งเห็นมาไม่นานก่อนจะมีเรื่อง
ขณะที่ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เผยว่า เบื้องต้นมีเหตุเกิดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 โดยมีญาติคาใจการเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเราได้ตั้งคณะทำงานทันทีโดนได้รายงานท่าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ทราบแล้ว โดยมีผู้เสียชีวิต 9 รายจาก 10 ราย โดยวันนี้ได้มีญาติของผู้เสียชีวิตรายที่ 11 ได้มาขอพบเพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบด้วย เป็นเคสใหม่สำหรับวันนี้
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า วันนี้เชิญนายตำรวจในสังกัดตั้งเป็นคณะทำงานและเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนที่ ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อที่ติดตามคดีต่างๆ แม้จะมีการเสียชีวิตที่น่าสงสัยแต่ญาติไม่ติดใจก็จะรื้อมาด้วย เพราะญาติอาจจะไม่รู้ว่าเขาตายจากอะไรกันแน่ เรามีข้อมูลย้อนหลังไว้หมด ซึ่งหากมีการแจ้งมาอีก ก็จะส่งทีมงานไปพบทันที ซึ่งขอให้ประชาชนมั่นใจว่าตำรวจจะทำงานตรงไปตรงมาแน่นอน ไม่อุ้มหรือช่วยใคร ส่วนอดีตสามีของ น.ส.อ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับรองผู้กำกับการ แม้จะหย่ากันแล้วก็ต้องสอบและสั่งย้ายอออกนอกพื้นที่ไปแล้ว
“มีหลายประเด็นที่ประชาชนสงสัย คือในพื้นที่จังหวัดอุดรที่เชื่อมโยงก็จะมีการประสานตำรวจภูธรภาค 4 มาร่วมตรวจสอบกันกับตำรวจสอบสวนกลางด้วย เพราะยังมีในส่วนการร้องเป็นคดีฆาตกรรม เพื่อตรวจสอบอีทางซึ่งไม่ทับซ้อนกัน ก็จะทำงานควบคู่กันไป ส่วนประเด็นวงแชร์ก็จะมีการสืบสวนว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวพันเราจะเรียกมาหมด ไม่เว้นแต่ สถานปฎิบัติธรรม ที่มีการสงสัยว่าผู้ที่เสียชีวิตจะถูกชักชวนไปทำบุญปล่อยปลาและมาเสียชีวิตก็จะติดตามที่จังหวัดราชบุรีมาด้วยแน่นอน ขอให้ประชาชนมั่นใจ” ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7