หนุ่มใหญ่บริจาคที่ดินใช้เป็นทางสาธารณะประโยชน์ แต่ทต.รุกเกินข้อตกลง ร้องสื่อขอความเป็นธรรม
2 พ.ค. 2566, 12:35
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 พ.ค.66 นายณัฐกิตติ์ ชูโชติ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/8 หมู่ 6 ต.ท่ายาง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ภายหลังแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐาน พร้อมทั้งร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร และร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กรณีได้ตกลงมอบที่ดินจำนวนหนึ่งให้กับเทศบาลตำบลท่ายาง เพื่อจัดสร้างเป็นถนนคอนกรีตทางสาธารณะประโยชน์ใช้ร่วมกันแต่ทางเทศบาลรุกเข้ามาในพื้นที่มากเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ จึงทำหนังสือทักท้วง แต่ไม่มีความคืบหน้าจึงเดินทางแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม ผ่านมาร่วมเดือนไม่มีความคืบหน้าจึงร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนเพื่อเป็นสื่อกลางในการประสานหน่วยงานขอความเป็นธรรมและเร่งแก้ไขหาข้อยุติ
โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนายณัฐกิตติ์ ชูโชติ อายุ 51 ปี เจ้าของที่ดินดังกล่าว กล่าวว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตกลงมอบที่ดินให้กับทางเทศบาลตำบลท่ายางระยะทาง 200 เมตร โดยมีข้อตกลงว่าถนนจะตัดผ่ากลางระหว่างของตนและของชาวบ้านซึ่งมีที่ดินติดกันความกว้างของถนนรวมไหล่ทางคือ 6 เมตร หมายความว่าฝั่งนายณัฐกิตติ์ ผู้ร้อง 3 เมตรและฝั่งของชาวบ้านที่ดินติดกัน 3 เมตร คนละ 3 เมตรเท่าๆกัน
จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2565 ผู้รับเหมาได้ดำเนินการเริ่มก่อสร้าง ตนได้ทักท้วงว่าแนวเขตแบบถนนนี้มันไม่เป็นไปตามข้อตกลงกันไว้โดยเส้นทางล่วงล้ำเข้ามาในที่ดินของตนทั้งหมดเพราะมีเสาหลักเขตรังวัดที่ดินเป็นหลักฐานชัดเจนและไม่ยึดเสาหลักโฉนดเป็นแกนกลาง ตนจึงพยายามติดต่อนายกเทศมนตรีเพื่อให้เร่งแก้ไขแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ อีกทั้งผู้รับเหมาก็ดำเนินการก่อสร้างไปตลอดเวลาจนแล้วเสร็จระยะทาง 100 เมตร ซึ่งยังเหลืออีก 100 เมตร
ตนจึงบอกให้หยุดการก่อสร้างหลังจากนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานเทศบาลตำบลท่ายาง ทักท้วงการก่อสร้างถนนที่มีการล่วงล้ำเข้ามาในที่ดินของตนเพียงฝ่ายเดียวในช่วงประมาณ50-100 เมตรแรก ซึ่งผิดตามข้อตกลง จนบัดนี้ยังไม่มีใครเข้ามาในพื้นที่เพื่อตรวจสอบแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา เดินทางไปยัง สภ.ปากน้ำชุมพร เพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ทางเทศบาลตำบลท่ายางมาดำเนินการให้ถูกต้อง และร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเป็นหน่วยงานกลางให้ประสานเพื่อเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอีก จึงร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นสื่อกลางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสำนักงานเทศบาลตำบลท่ายางเพื่อติดต่อเข้าพบนายอำพัน มากอำไพ นายกเทศมนตรี แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าติดประชุมจึงมอบหมายให้ นายกฤษธิชัย ซังธาดา ตำแหน่งนายช่างโยธาอาวุโส พบผู้สื่อข่าวแทน พร้อมทั้งชี้แจงว่า “เดิมถนนสายดังกล่าวมีความยาวประมาณ 450 เมตร ผิวถนนเป็นหินคลุก ทำมาตั้งแต่ปี 2557 ชาวบ้านใช้กันมาตลอดและไม่เคยมีการร้องเรียนแสดงเป็นเจ้าของ
เมื่อปี 2566 พอเริ่มทำถนนคอนกรีตนายกฤษธิชัยก็แสดงตนพร้อมบอกว่ารุกเข้ามาในที่ดิน นายกฤษธิชัย นายช่างโยธาฯจึงให้ขอแสดงโฉนดที่ดิน แต่นายณัฐกิตติ์ ไม่แสดงโฉนดที่ดิน โดยนายณัฐกิตติ์บอกว่าขยับหน่อยได้ไหม นายช่างโยธาฯก็ขยับช่วงหัวถนนให้จนจะเข้าที่คนฝั่งตรงข้ามด้วยซ้ำทางเราเสี่ยงต่อการโดนฟ้องด้วยซ้ำ แต่ช่วงปลายรับว่าเข้าที่นายณัฐกิตติ์ เพราะว่าทำตามสภาพถนนเดิมและติดเสาไฟและตัวบ้านที่อยู่อาศัยของนายณัฐกิตติ์ (เจ้าของที่ดิน)
นายช่างโยธาฯสำนักงานเทศบาลตำบลท่ายาง กล่าวชี้แจงอีกว่า หลังจากนี้จะนำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวปรึกษานายกฯอีกครั้ง หรือว่าเกิดมีการขยายถนนท่อระบายน้ำก็จะไปทำอีกฝั่ง ในอีก 100 เมตรที่ยังเหลืออยู่นั้นก็ต้องทำตามแนวหลักเขตโฉนดและตามข้อตกลงเดิมคือแนวหลักเขตโฉนดเป็นกลางเทคอนกรีตฝั่งละ 3 เมตร ในส่วนของ 100 เมตรแรกที่เป็นปัญหานั้นทางเทศบาลฯจะเรียกผู้ร้องมาปรึกษาหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง”