แม่ร้อง "ลูกสาววัย 18" โดนตำรวจใช้เอ็ม 16 ยิงคาเก๋งจนพิการ
3 ต.ค. 2562, 17:05
จากกรณี นางฉัตรสุวรรณ ดวงใจภักดี อายุ 43 ปี ร้องเรียนกับสื่อฯ หลังจาก ลูกสาว คือ น.ส.ชนากานต์ คงนะ อายุ 18 ปี ถูกตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าใส่ขาซ้ายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิการ ขณะเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงเงินเยียวยาเบื้องต้น 30,000 บาท ที่เจ้าหน้าที่จ่ายให้เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 3 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นางฉัตรสุวรรณ ดวงใจภักดี พร้อมด้วย นายชัยเชษฐ คงนะ อายุ 25 ปี แม่และพี่ชายของ น.ส.ชนากานต์ ได้ออกมาเรียกร้องของความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า น.ส.ชนากานต์ มีอาชีพเป็นพีอาร์ โดยได้รู้จักกับชายหนุ่มที่มาติดพันและรับออกไปทานข้าวได้เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น หลังทานข้าวเสร็จชายหนุ่มคนดังกล่าวขอไปแวะบ้านเพื่อนในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี แต่เมื่อไปถึงกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถปิดทางเข้า และใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าใส่รถทันทีโดยไม่ได้มีการแจ้งหรือสั่งให้หยุดล่วงหน้า เป็นเหตุให้ น.ส.ชนากานต์ ถูกยิงเข้าที่ขาซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกขาแตก เส้นเอ็นขาด และเส้นเลือดใหญ่ขาด จนปัจจุบัน น.ส.ชนากานต์ ต้องกลายเป็นคนพิการขาซ้าย โดยยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ นางฉัตรสุวรรณ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เคยรับผิดชอบอาการบาดเจ็บของลูกสาวที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการเจรจากันที่สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า พร้อมด้วยทหาร และพนักงานสอบสวน ที่ติดต่อเข้ามาขอเจรจาไปแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งการเจรจาในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงมือก่อเหตุ ซึ่งมียศสิบตำรวจโท และทำหน้าที่ได้เพียง 2 ปีกว่า ยอมรับว่าเป็นผู้ยิง น.ส.ชนากานต์ จริง และขอให้ครอบครัวยอมความไม่เอาเรื่อง เพื่อแลกกับการรับผิดชอบด้วยการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ซึ่งครอบครัวได้เรียกค่าเสียหายในการดูแลรักษารวม 3 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เคยมีหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รายใด เข้ามาติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหาย รวมไปถึงถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
ปัจจุบัน นางฉัตรสุวรรณ และ นายชัยเชษฐ แม่และพี่ชาย ต้องลาออกจากงานประจำ เพื่อมาดูแล น.ส.ชนากานต์ ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าอาจใช้เวลาถึง 2 ปีในการรักษา เพื่อให้สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ก็อาจเดินได้ไม่เหมือนปกติ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีเพียงเงินที่เจ้าหน้าที่มอบให้เบื้องต้นเพียง 30,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดังกล่าว และจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาขอชดใช้ค่าเสียหาย หรือค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด ดังนั้นจึงออกมาร้องสื่อฯ เพื่อขอความเป็นธรรม พร้อมกับเตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด
ต่อมาเวลา 11.20 น. ทางโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดย นายแพทย์สมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ได้แถลงถึงอาการของ น.ส.ชนากานต์ โดยกล่าวว่า ก่อนมา รพ. วันที่ 24 ส.ค.62 เวลา 17.30 น. ผู้ป่วยถูกยิงที่บริเวณ บ้านสวนฝน มูลนิธิพิทักษ์กาญน์นำส่ง รพ.พหลฯ ถึงห้องฉุกเฉิน เวลา 20.12 น. มีบาดแผลถูกยิงที่ขาซ้ายถึงกระดูกเลือดออกมาก กระดกข้อเท้าไม่ได้ ปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมกระดูก เวลา 20.25 น. พบว่ามีปัญหาเรื่องเส้นเลือดร่วมด้วย ปรึกษาแพทย์ศัลยกรรม ร่วมผ่าตัดคนไข้เวลา 21.00 น. แพทย์พบว่ากระดูกแหลก ต้องใส่เหล็กยึดกระดูกร่วมบริเวณใต้เข่าซ้าย หลังทำผ่าตัด แพทย์พิจารณาแล้วน่าจะมีปัญหาเรื่องเส้นเลือด จึงสั่งทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เส้นเลือดเวลา 02.00 น. (วันที่ 25 ส.ค.62) พบว่ามีเส้นเลือดขาด แพทย์จึงให้ศูนย์ส่งต่อประสานโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นเลือด รับไปรักษาต่อ
วันที่ 25 สิงหาคม 2562 ติดต่อได้ รพ.ศิริราช ส่งต่อไปรับการรักษา แพทย์ศิริราชตกแต่งบาดแผลให้และส่งกลับมารับการรักษาต่อที่ รพ.พหลฯ ในวันที่ 29 สิงหาคม 2562 โดยให้การรักษาคือ ทำแผลต่อ, ให้ยาปฏิชีวนะ ต่อมาแผลที่ขาไม่ดี แพทย์จึงทำการผ่าตัดตกแต่งบาดแผล เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562 แผลเริ่มดีขึ้น จึงทำการผ่าตัดปะผิวหนัง เมื่อวันที่ 24 ก.ย.62 ต่อมาวันที่ 27 ก.ย.62 แพทย์ดูแผลที่ทำการปะผิวหนัง แผลติดไม่ดีจึงปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมพลาสติก แพทย์ศัลยกรรมดูแล้วพอรับได้จึงให้ทำแผลต่อพร้อมทั้งให้ยาปฏิชีวนะต่อ
ขณะนี้ผู้ป่วยยังมีแผลที่ขาซ้าย มีเหล็กยึดตรึงกระดูกอยู่ ยังมีอาการปวดแผล และปวดขา ได้รับยาแก้ปวดแบบมอร์ฟีนวันละ 6 เข็ม จึงปรึกษาแพทย์จิตเวชเพื่อปรับยา โดยคาดว่าจะใช้เวลารักษาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ในการที่จะประเมินผู้ป่วยเรื่องการติดของกระดูกอีกครั้ง
ทั้งนี้คนไข้มีปัญหาเรื่องเส้นเลือดและการกระดกข้อเท้าตั้งแต่แรก ทำให้มีปัญหาในการเดิน จะต้องใช้เครื่องช่วยพยุงเดิน ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะหายเป็นปกติหรือไม่ เพราะคนไข้ยังไม่ได้เดิน
ขณะที่ นายแพทย์เสรี อุ่นอร่ามวัฒน์ แพทย์ด้านศัลยกรรมกระดูก กล่าวว่า ในการใช้เวลารักษา รอการประเมินบาดแผลและการติดของกระดูกอีกครั้ง การรักษามากกว่า 6 เดือนขึ้นไป มีปัญหาเรื่องกระดูกหักแบบแหลก และการกระดกของข้อเท้าตั้งแต่แรก รอการหายของแผล ประเมินการติดของกระดูก รอการฟื้นฟู
ด้าน นายแพทย์ธนะเชฎฐ์ กังสภัทรกุล แพทย์ด้านศัลยกรรม กล่าวว่า จากการตรวจดูบาดแผล สงสัยว่ามีบาดเจ็บที่เส้นเลือด จึงส่งตรวจเอกซเรย์เส้นเลือดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2562 เวลา 02.00 น.
ทางด้าน แพทย์หญิงสุขุมาลย์ เล็กมีชัย แพทย์ด้านจิตเวชทั่วไป กล่าวว่า ทางจิตเวช รับปรึกษาเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ พบคนไข้หญิงอายุ 18 ปี มีภาวะความเครียดเฉียบพลัน (Acute stress disorder) พบมีฝันร้าย หงุดหงิดง่าย โกรธ กังวล นอนไม่หลับ ต้องการแม่มาก อาจกลายเป็นภาวะผิดปกติทางจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่โดน ร่วมกับลักษณะบุคลิกภาพเดิมที่กังวลง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างให้ยาคลายเครียด คุมอารมณ์ และควบคุมการใช้ยาแก้ปวด (ถ้าให้ในขนาดสูง อาจทำให้มีเพ้อ สับสนได้ จึงต้องควบคุมการใช้) สำหรับคนไข้ อาจจำเป็นต้องได้รับการติดตามระยะ โดยอาจมีผลต่อเนื่องระยะยาวเป็นป
จากนั้นเวลา 14.00 น. นายไชยา คงยะ อายุ 46 ปี พร้อมด้วย นางฉัตรสุวรรณ พ่อและแม่ของ น.ส.ชนากานต์ ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.ธีระพงษ์ ฤทธิ์จรูญ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม พร้อมกับขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด โดยกล่าวว่า หลังเกิดเหตุทาง สภ.ลาดหญ้า ได้รับเรื่องไว้สอบสวนแล้ว แต่จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในท้องที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งได้รับแจ้งว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ ดังนั้นทางสถานีตำรวจภูธรทั้งสองแห่งก็จะนำพยานหลักฐานที่ได้มารวบรวม และหากมีพยานหลักฐานอย่างไรก็ดำเนินการไปตามนั้น
ในส่วนของเจ้าพนักงานที่อ้างว่า ปฏิบัติหน้าที่ และยิง น.ส.ชนากานต์ จนได้รับบาดเจ็บ นั้น ทางเราไม่มีอำนาจในการสอบสวน โดยได้ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ให้เป็นผู้พิจารณาในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ส่วนพยานหลักฐานที่เรารวบรวมส่งให้ ป.ป.ช.ขอไม่ลงลึกในรายละเอียดในส่วนนี้ เบื้องต้นอาวุธที่ใช้เป็นปืนเอ็ม 16 ของทางราชการ
สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในท้องที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ตนไม่มีนโยบายให้ใช้อาวุธสงครามในการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด แต่ในส่วนของหน่วยอื่น ตนไม่ขอก้าวล่วง เนื่องจากตนไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวมียศ สิบตำรวจโท สังกัด ตชด. ส่วนการปฏิบัติหน้าที่อย่างไรนั้น ตนไม่ขอลงในรายละเอียด แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานนอกทั้งหมด
ทั้งนี้ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวเจ้าของรถยนต์คันที่ น.ส.ชนากานต์ นั่งมาด้วยได้ และไม่ขอพูดถึงในรายละเอียดในการตรวจค้นรถคันดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเกรงว่าจะกระทบกับคดีได้ ส่วนผู้ที่หลบหนีไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบประวัติว่ามีความเกี่ยวพันกับยาเสพติดหรือไม่ ส่วนผลเป็นอย่างไรนั้น ตนไม่ขอนำมาเปิดเผยเช่นกัน โดยเราใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ส่วนของค่าชดเชยเยียวยาผู้เสียหายสามารถยื่นเรื่องได้ที่ยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอรับการเยียวยา
อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ทาง ผบช.ภ.7 ได้ให้ความสำคัญ และกำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งผลการตรวจสอบจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ป.ป.ช. เราไม่อาจไปก้าวล่วงได้