แซน ฟ้องเรียกค่าเสียหาย แม่แตงโม หมิ่นประมาท 50 ล้าน
22 พ.ค. 2566, 16:44
วันที่ 22 พ.ค.66 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัว พร้อมด้วย แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี มาเพื่อยื่นไต่สวนต่อหลังถูกนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ดารานักแสดงสาว พร้อมกับที่ปรึกษากฎหมายร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยกล่าวว่า เนื่องจาก วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา คุณแม่พร้อมกับที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีก 2 คน นำเอกสารมาแจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าวที่หน้าศาล โดยกล่าวหาว่าตนไปข่มขู่พยาน ยุ่งเหยิงหลักฐาน และขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวของตนในชั้นศาล ซึ่งตนก็ยังงงอยู่ว่า ตนไปยุ่งเหยิงอะไร เพราะก่อนหน้านี้ตนกับคุณแม่ยังเคยกอดและพูดดีกับตนอยู่เลย ในวันนี้ตนดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเห็นว่าคุณแม่ทำไม่ถูก และทำให้ตนได้รับความเสียหายมาก จนถึงกับขนาดพ่อกับแม่ของตนยังตกใจ มาถามตนว่าไปทำอะไรมาอีกถึงจะถูกถอนประกันตัว ตนจึงมอบหมายให้ทางทนายความส่วนตัว ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งกับคุณแม่ และที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีก 2 คน ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท
แซน กล่าวอีกว่า หลังจากที่ศาลตัดสินคดีของปอกับโรเบิร์ตไปแล้ว ตนก็รู้สึกว่าศาลยุติธรรมแล้ว ส่วนพวกตนในฐานะจำเลยในคดีที่เหลืออีก 4 คน ก็ขอยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรประมาท ต้องปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของศาล เรื่องค่าเยียวยาที่คุณแม่พยายามมาเรียกร้องจากพวกตนทั้ง 4 คนนั้น คุณแม่เอาเหตุผลและสาเหตุอะไรมาเรียกร้องทั้งๆ ที่พวกตนทั้ง 4 คนไม่ได้ทำผิดอะไร
ด้าน ทนายพรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องสัญญาประนีประนอมฉบับแรกที่ได้ตกลงทำสัญญากันเมิ่อวันที่ 21 ก.ย.65 นั้น เป็นหนังสือสัญญาประนีประนอม ที่ฝ่ายจำเลยทั้ง 6 ส่วนทั้งคุณแม่ได้รับทราบ เซ็นรับทราบ และตกลงกันในสัญญาฉบับนั้นไว้ด้วยกัน โดยลงรายละเอียดชัดเจนในสัญญาว่า ใครเป็นคนจ่าย จ่ายอย่างไร และไม่ติดใจใคร
ดังนั้นการที่คุณแม่จะมาอ้างภายหลังว่า ในสัญญาฉบับนั้นมีคนไม่จ่ายอีก 4 คน แต่ในความจริงตามกฎหมายคงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่คิดเสมอไป เพราะกฎหมายมีหลักเกณฑ์มีเงื่อนไข ซึ่งหนังสือสัญญาฉบับนั้นก็ตกลงทำกันในขั้นศาล ซึ่งศาลก็รับทราบ
ทนายพรศักดิ์ กล่าวว่า การที่ศาลพิจารณาตัดสินคดีของจำเลยที่ 1 และ 2 ไปแล้วนั้น เป็นผลดีกับฝ่ายจำเลยที่เหลืออีก 4 คน เพราะทางเจ้าของเรือกับคนขับเรือก็ได้รับสารภาพต่อศาลไปแล้วว่า กระทำการโดยประมาทจริง จึงทำให้จำเลยบนเรือที่เหลืออีก 4 คน ซึ่งไม่ได้ส่วนร่วมในความประมาทด้วย จะได้รับผลดีในการถูกนำไปพิจารณาคดีต่อไป