เดือด! "หมอชลน่าน" ลั่น "ถ้าชกได้ชกไปแล้ว" ปมต่อเนื่อง "ศิธา" จี้จุดยืน MOU
24 พ.ค. 2566, 15:19
วันนี้ ( 24 พ.ค.66 ) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวผลสัมมนาผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) โดยในช่วงการตอบคำถามสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามถึงกรณีการตอบโต้กันระหว่างหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ที่เหตุการณ์เริ่มมาจากการตั้งคำถามจุดยืนของพรรคเพื่อไทยในวันเซ็น MOU ก่อนที่จะลากยาวทั้งการสัมภาษณ์ของ นพ.ชลน่าน และการทวิตเตอร์ของ น.ต.ศิธา
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า "ผมไม่อยากจะตอบคำถามในประเด็นนี้อีกแล้ว จริงๆมันน่าจะจบแล้ว เราเองไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง แต่เราอยากให้ทุกอย่างอยู่ในร่องในรอยอยู่ในกรอบ ถ้าเค้าขอโทษเราก็ยินดีรับ ผมเองลงมาเจอเค้าผมก็ตำหนิเค้าต่อหน้าบอกว่าจะทำตัวเป็นสื่อ หรือ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ช่วยกันจัดตั้ง ผมลงจากเวทีมาก็พูดคำนี้เลย ในฐานะคุณเองก็เป็นคนร่วมพิจารณาร่าง MOU อยู่ด้วย คำพูดนี้ทุกคนได้ยิน และที่สำคัญการไปเขียนต่อเติมเสริมแต่งปั้นเรื่องขึ้นมาว่ามีการดื่มสังสรรค์ชนแก้วไม่มีการพูดคุยกัน จนกระทั่งไปกล่าวหาว่าได้รับการบรีฟ ได้รับการบังคับชี้แนะชี้นำถึงมาพูด อันนี้เสียหายมาก ถ้าเค้าจะขอโทษต้องขอโทษตรงนี้ด้วย
ผมเองไม่ได้โกรธ แต่เราเองกำลังจะมีส่วนร่วมสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ อันนี้คือเข็มมุ่งของพวกเราที่ต้องจับมือกัน MOU นี้ เป็น MOU ทื่ทุกฝ่ายเห็นว่าต้องทำ การจับมือกันทำเข็มมุ่งตรงนี้มันมัดกันแน่นอยู่แล้ว ผมพูดตลอดว่าเรายอมรับในมติของมหาชนที่มอบให้ฝ่ายประชาธิปไตย การที่เราไม่จับมือกันมันเป็นไปไม่ได้ มันแยกกันลำบากมาก มีเพียงเจตนารมณ์อย่างนั้นเท่านั้นเอง ยินดีหากมีการขอโทษ ไม่มีการถือโทษโกรธเคือง ผมไม่สบายใจสำหรับการที่จะร่วมงานกับคุณศิธา ผมพูดตรงๆผมไม่สบายใจ พรรคคุณศิธา 6 เสียงมีความสำคัญ ผมก็อาจจะมานั่งดูตัวเองว่าผมสำคัญหรือเปล่าด้วย"
"ผมหมายความว่านี่เป็นภาระของพรรคแกนนำที่เค้าต้องไปทำความเข้าใจกับพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคไทยสร้างไทย ว่าพฤติการณ์พฤติกรรมแบบนี้มันจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันหรือไม่ ลองมาปรับมาแก้กันด้วยดีได้ไหม มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าเค้าพูดจบก็จบ ผมไม่มีประเด็นครับ แต่ถ้าไม่พูดยังปล่อยปละละเลยแบบนี้ผมก็ไม่สบายใจ หมายถึงอย่างนั้น" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้ยิงคำถาม นพ.ชลน่าน เพิ่มเติมในกรณีที่ระบุว่ามีความไม่สบายใจในเรื่องคุณศิธา โดยระบุว่า "ผมบอกว่าผมไม่สบายใจถ้าพรรคแกนนำไม่จัดการเรื่องนี้ ผมไม่สบายใจ คุณก็ต้องไปจัดการพรรคร่วมของคุณให้อยู่ในร่องในรอย ถ้าเห็นเค้าสำคัญและไม่เห็นผมสำคัญมันก็ควรจะต้องถามกัน ผมถามแบบนั้น"
ต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งใช่หรือไม่? นพ.ชลน่าน ระบุว่า "ผมไม่ได้คิดแบบนั้น เข็มมุ่งเราต้องการที่จะผลักดันการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ควรจะเป็นประเด็น ถ้าเค้าสำนึกได้ขอโทษมันก็จบ"
ส่งสัญญาณให้พรรคก้าวไกลเคลียร์ตรงนี้ใช่หรือไม่? "มันเป็นหน้าที่เค้าเลย เค้าเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้ายังปล่อยให้เรื่องราวมันเป็นประเด็นอย่างนี้ ไอ MOU ที่เขียนไว้ว่าทุกพรรคต้องมีความจริงใจต่อกันให้เกียรติกัน แค่เขียนไว้เพิ่งลงนามเอง แต่ชั่วข้ามคืนมันก็ไม่เกิดขึ้นแล้วเนี่ยมันยากหรือเปล่าหละการทำงาน"
มีเงื่อนเวลาหรือไม่? "ไม่มีเงื่อนเวลาเลย ผมเป็นผู้ใหญ่พอไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไร จริงๆคุณหญิงเค้าขอโทษในรายการมันก็จบแล้วนะ ผมไม่ติดใจแล้ว แต่ที่คุณศิธาโพสต์ขยายความว่าผมถูกบรีฟถูกกดดันนั่งสังสรรค์กันทำไมไม่พูด ไปเอาเทปที่ผมตอบ คุณควรมานั่งตอบไม่ใช่ถาม ผมพูดชัด สถานะคุณคือเป็นคนที่ร่าง MOU ด้วยกันทำไมคุณไม่พูด คุณเป็นคนใน คำว่าเสียมารยาทคือคุณเป็นคนในแต่ออกไปทำหน้าที่เป็นคนนอก ถ้ากลับกันเป็นคนทั่วไปพี่น้องสื่อถามผมจะไม่ติดใจอะไรเลย ก็ต้องตำหนิอย่างนั้น
ถ้าเค้าขอโทษเราพอจะจบเรื่องนี้ได้หรือไม่? "ถ้าเค้าขอโทษมาเราก็ไม่ติดใจ ก็สำนึกบ้างว่าเราทำอะไรไปในพื้นฐานอะไร คือมันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งเดียวเราก็เลยอ่านเจตนาเค้าออกมาทำเพื่ออะไร ผมไม่ทราบว่าเค้าต้องการอะไรแต่การแสดงออกทำตัวว่าเป็นผู้แทนประชาชนมาบอกว่าต้องการให้กำจัดเผด็จการโดยการผูกมัดกันเป็นฝ่ายค้าน ผมก็ยืนยันว่ามันไร้สาระ เสียงข้างมากขนาดนี้จะไปเป็นฝ่ายค้านทำไม ทำไมไม่มัดกันเป็นรัฐบาล คือคำถามก็ไม่ใช่แล้ว ผมก็เลยยอมรับจริงๆว่าวันนี้มีอารมณ์นะ แต่พยายามควบคุม ลงมาก็เพียงแต่ชี้หน้าว่าคุณทำตัวให้ถูก คุณจะเป็นสื่อหรือคุณจะเป็นพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลคุณเอาให้แน่ ตำหนิเค้าเลยนะ แต่เค้ายังบอกว่าไม่มีการพูดคุย และกินข้าวเนี่ยกินข้าวเป็นทางการ คุณพิธาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวหน้าพรรคก้าวไกล คุณศิธาอยู่ห่างไปประมาณ 4-5 โต๊ะด้านขวาคุณพิธามันจะได้สังสรรค์เสวนากันอย่างไร คุณพิธาเพียงแค่ยกเครื่องดื่มขึ้นมาชนแก้วและขอบคุณเท่านั้นเอง ดราม่านั่งชนแก้วคุยกันเป็นชั่วโมงมันไม่ใช่ ถ้าคุณพูดความจริงผมจะไม่โกรธนะ แต่ไปกล่าวหาโดนกดดันดันบรีฟผมยื่งโกรธใหญ่ มันดูหมิ่น ด้อยค่าตัวผมและพรรคผมด้วย แต่ถ้าเค้าขอโทษผมจบนะ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เข็มมุ่งเรามันยิ่งใหญ่ จัดตั้งรัฐบาลให้ได้โหวตนายกฯให้ได้"
การขอโทษต้องเป็นลักษณะของบุคคล หรือ พรรค? "ผมอย่างไรก็ได้ ไม่ติดใจอะไรหรอก ขอให้เค้ามีคำกล่าวต่อสาธารณะว่าสิ่งที่เค้าทำแล้วเค้าสำนึกว่าทำผิด พอแล้ว"
เรื่องนี้จะเป็นปมร้อนให้เพื่อไทยถอนตัวออกจาก 8 พรรคร่วมหรือไม่? "ก็ฝากทางพรรคแกนนำไป คุณอย่าให้เรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆมาบั่นทอนการทำงานของพวกเรา ถ้าคุณเห็น 6 เสียงมากว่า 141 เสียงผมก็ยอม"
แนวทางการจัดการของพรรคก้าวไกลในเรื่องนี้ควรเป็นอย่างไร? "เพียงแต่ไปพูดคุยกัน บอกว่าคุณศิธาเรากำลังจับมือกันไปด้วยดี ช่วยกันได้ก็ช่วยกันทำ จะไปสร้างฉากค่อยไปทำทีหลังให้เรื่องนี้มันจบก่อน ผมว่าพูดแค่นี้ก็จบนะ"
ถึงขั้นต้องลดบทบาทคุณศิธาในการประชุมครั้งต่อไปหรือไม่? "ก็เป็นสิทธิของเค้า เค้าเป็นแคนดิเดตตัวแทนเค้าก็ส่งเข้ามา แต่ผมก็จะบอกว่าทุกอย่างพูดในที่ประชุมให้จบนะ คุณห้ามนำไปขยายความข้างนอก"
เรื่องนี้จะเป็นเงื่อนไขไม่ให้คุณศิธารับตำแหน่งใดๆในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่? "ผมไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ผมไม่มีอำนาจไปชี้ว่าเอานั้นไม่เอานั่น ผมไม่ติดใจจะเป็นรัฐมนตรีอะไรก็เรื่องของเค้า แต่ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้มันทำงานร่วมกันยากเท่านั้นเอง"
ระหว่างการเดินออกจากห้องแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นเพราะเดือดในเรื่องนี้มากใช่หรือไม่ โดย นพ.ชลน่าน ตอบว่า "ผมเดือด ผมมีอารมณ์ ถ้าชกได้ ผมชกไปแล้ว"