เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ทนายพัช" ปฏิเสธข้อกล่าวหา ปมจัดฉากย้ายพยานหลักฐานช่วย แอม 


26 พ.ค. 2566, 16:39



"ทนายพัช" ปฏิเสธข้อกล่าวหา ปมจัดฉากย้ายพยานหลักฐานช่วย แอม 




จากกรณีกองปราบปรามฯ ออกหมายเรียกให้ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ "ทนายพัช" ทนายความของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หนือ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่าชิงทรัพย์ มาเข้าพบเพื่อแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 184 ช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษฯ

ล่าสุดวันที่ 26 พ.ค. 66 มีรายงานว่า น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ "ทนายพัช" พร้อมด้วย นายไชยา คุ้มอ่ำ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ จันตะกูล สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ใช้เวลานาน 2 ชั่วโมง ในการสอบสวน

น.ส.ธันย์นิชา เปิดเผยว่า มารับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกผู้ต้องหารายหนึ่งให้การซัดทอดหาว่า ตนอยู่เบื้องหลังการจัดฉากยักย้ายพยานหลักฐาน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง จึงปฏิเสธข้อกล่าวหาไปแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่เป็นทนายความให้นางสรารัตน์ ตนให้คำแนะนำต่าง ๆ ตามหน้าที่ของทนายอยู่ภายใต้ตามกรอบของกฎหมาย ยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องหรือแนะนำการจัดฉากยักย้ายหลักฐานต่างๆ แน่นอน ซึ่งชี้แจงพนักงานสอบสวนถึงข้อเคลือบแคลงสงสัยต่างๆ ไปหมดแล้ว

ทนายพัช กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยส่งกระเป๋าให้น.ส.แก้ว และไม่เคยให้คำแนะนำใดๆ ทั้งสิ้น ที่ผ่านมาไม่เคยใช้ และไม่เคยรู้จักกระเป๋าแบรนด์เนมเลย การถูกตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวก็มาจากการซัดทอดของผู้ต้องหาคนอื่น ซึ่งไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไร ที่ซัดทอดมาถึงตัวเอง ส่วนประเด็นที่ว่าเคยรู้จักน.ส.แก้วมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ไม่ขอพูดถึงเพราะเป็นเรื่องในสำนวน

น.ส.ธันย์นิชา ยืนยันว่า ตอนนี้ยังเป็นทนายความหลักให้นางสรารัตน์อยู่ ส่วนจะมีทนายความคนไหนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีด้วยก็สามารถทำได้ และเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถแต่งตั้งทนายความคนอื่นเพิ่มได้ แต่ต้องสอดคล้องกับทนายหลักที่ต้องยินยอมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีทนายความรายอื่นไปขอคัดสำนวน และขอเข้าพบนางสรารัตน์หลายครั้ง เบิกตัวมาขึ้นศาล ซึ่งทนายคนดังกล่าวไม่ได้ขอมาทำงานร่วมด้วย แต่ขอไม่พาดพิงถึง

ส่วนประเด็นที่ว่า นางสรารัตน์ จะฟ้องหมิ่นประมาทบุคคลต่างๆ ทั้งพิธีกรและสื่อมวลชน เรื่องนี้อยู่ระหว่างหารือกับกลุ่มทนายใจดี แต่ยืนยันว่าขณะนี้เตรียมจะฟ้องร้องอย่างแน่นอน การทำหน้าที่ของทนายความนั้นมีหน้าที่ไปศาล ไม่ใช่มีหน้าที่ไปออกสื่อ

ส่วนการฟ้องร้องตำรวจ นอกจากมาตรา 157 แล้ว จะใช้มาตราใหม่คือ พ.ร.บ.อุ้มหาย เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนตัวของตนเองนั้นก็อาจจะฟ้องร้องหมิ่นประมาทกับสื่อมวลชนบางสำนักด้วย โดยยืนยันไม่กังวลในประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะใช้ทนายความมาช่วยคดีคนที่จะถูกฟ้อง

ส่วนกระแสสังคมที่โจมตีตัวเองในประเด็นต่างๆ ตนมองว่าเป็นการทำคดีสวนกระแสสังคม เป็นปกติที่คนจะมองว่าตนเป็นคนไม่ดี แต่ยืนยันว่าไม่กังวลและยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ภายในสัปดาห์หน้าตัวเองจะเข้าพบนางสรารัตน์อีกครั้ง ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อสอบถามแนวทางการดำเนินคดีเพิ่มเติม

ด้าน นายไชยา กล่าวว่า การที่ทนายพัชถูกเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เชื่อว่าการทำหน้าที่ของทนายพัชเป็นการทำหน้าที่โดยสุจริต โปร่งใส ตอนแรกที่ต้องเลื่อนเข้าพบตำรวจนั้น เพราะยังไม่ได้รับหมายเรียก ซึ่งพอได้รับหมายเรียกก็รีบเดินทางมาเข้าพบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจทันที และเชื่อว่า ที่ทนายพัชถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้น เป็นการเตะตัดขากัน และพยายามตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จึงอยากขอโอกาสให้ทนายพัชเข้าไปช่วยเหลือลูกความอย่างเต็มที่ รวมทั้งยังเป็นสิทธิ์ของลูกความ ที่จะเลือกทนายเข้ามาช่วยเหลือคดีด้วย

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จากการสอบสวนทนายพัชให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้การแย้งในประเด็นต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสงสัย ซึ่งคำให้การต่างๆ ค่อนข้างขัดแย้งกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่สามารถหักล้างประเด็นต่างๆ ในคดีได้ โดนยืนยันว่า เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานมากพอ ที่จะสามารถดำเนินคดีกับทนายพัชได้ ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่า ตำรวจเตะตัดขาทนายความนั้น ไม่น่าจะใช่ เพราะผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกินกว่าการเป็นทนายความ และเกินกว่าขอบเขตตามมรรยาททนายความ จึงถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำลายหลักฐาน

ทั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า บุคคลที่ให้ปากคำซัดทอดมาถึงตัวทนายพัช แต่ยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวมั่นใจในคำให้การ และตำรวจก็สามารถสอบสวนจนหาพยานหลักฐานมายืนยันคำให้การได้ ถึงแม้นางสรารัตน์จะให้การพลิกไปพลิกมาทุกครั้ง ที่สอบปากคำ ก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อตัวผู้ต้องหาเอง เพราะจะทำให้เสียน้ำหนักทางรูปคดี จนอาจทำให้ศาลไม่เชื่อถือ

ส่วนกรณีที่ทนายความของนางสรารัตน์ แสดงความมั่นใจว่า นางสรารัตน์จะแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ความผิดตามมาตรา 157 และกฎหมายใหม่ที่เพิ่งถูกประกาศใช้ ก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้





คำที่เกี่ยวข้อง : #ทนายพัช  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.