จากกรณียูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate จ้างตำรวจและคอมมานโด  50 นาย มาสร้างคอนเทนต์ ไล่ล่าทีมงานขณะหลบซ่อนตัวอยู่ตามจุดต่างๆภายในห้างร้างในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นได้โพสต์คลิปภารกิจการเอาตัวรอด พร้อมระบุข้อความว่า “จะรอดไหม?!” จนกลายเป็นกระแสสังคมถึงความเหมาะสม โดยพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า บุคคลที่ปรากฏในคลิปเป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ได้มีการขออนุญาตถ่ายทำการแสดงในการแต่งกายตำรวจ ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งการใช้อาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ถูกต้องหรือไม่ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่นั้น

ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ล่าสุดที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณียูทูปเบอร์ชื่อดังมาใช้พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีถ่ายทำ โดยในคลิปมีการบอกว่าจ้างตำรวจมา 50 นายเพื่อให้ตามจับพวกของตนที่ไปแอบซ่อนตัวอยู่ตามจุดต่างๆภายในห้างร้าง จนกลายเป็นกระแสโด่งดัง ซึ่งท่าน ผบ.ตร.ได้สังการให้ ผบช.ภ.7 เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการทำคลิปมีตำรวจเข้าไปร่วมถ่ายทำที่เขาอ้างว่ามี 50 คนเป็นตำรวจมาจากที่ไหนบ้าง

ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี แต่อาจจะเป็นตำรวจที่มาจากนอกหน่วยและบางส่วนนั้นไม่ใช่ตำรวจจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เบื้องต้นหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะร่วมทำการแสดง จะต้องขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา และต้องส่งบทเนื้อหามาให้ตรวจสอบด้วยว่ามีข้อเสื่อมเสียหรือไม่

ส่วนการมาถ่ายทำในพื้นที่ เจ้าของที่จะมาถ่ายทำจะต้องแจ้งให้ผู้กำกับในท้องที่ได้รับทราบด้วย และจากการที่ได้สอบถามไปยัง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ก็ได้รับคำตอบว่า ทางผู้ถ่ายทำไม่ได้ขออนุญาตจากผู้กำกับ ดังนั้นจึงสั่งการให้ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าของท้องที่เรียกเจ้าของยูทูปเบอร์ที่มาถ่ายทำและมีการบอกว่าจ้างตำรวจมาเข้าฉาก มาสอบว่าตำรวจที่จ้างมานั้นจากมาจากที่ไหนและเป็นตำรวจจริงหรือไม่

หากพบการกระทำผิดในส่วนของผู้ที่ไม่ใช่ตำรวจแต่มาแต่งกายคล้ายตำรวจ หรือแม้กระทั่งผู้ที่เป็นตำรวจจริงๆ แต่เป็นตำรวจจากหน่วยอื่นแล้วเข้ามาในพื้นที่และมีการพกพาอาวุธปืนเข้ามาด้วย เราก็จะดำเนินการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายอย่างเต็มที่ ซึ่งการตรวจสอบคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆนี้” พล.ต.ต.ไพโรจน์ ฯ เผย