"รมช. เกษตรฯ" เปิดงานพายเรือเพื่อเจ้าพระยา เก็บขยะจากปากน้ำโพถึงสมุทรปราการ
7 ต.ค. 2562, 10:44
เมื่อเวลา 8.00 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เปิดงานพายเรือเพื่อเจ้าพระยา เก็บขยะจากปากน้ำโพถึงสมุทรปราการ โดยมี นาย ภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักพายเรือเข้าร่วม
ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 7 ขบวนเรือได้เดินทางออกจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยที่มีเป้าหมายเพื่อชวนคนไทยให้เลิกทิ้งขยะลงแม่น้ำ พายเรือเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จนไปถึงจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายก่อนที่แม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลลงอ่าวไทย โดยในปีนี้ได้จัดเป็นปีที่ 2
ทั้งนี้ ประเทศไทย ทิ้งขยะลงทะเลมากเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยขยะประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากแม่น้ำสายต่างๆ ที่ไหลลงอ่าวไทย และแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เป็นแม่น้ำที่มีขยะไหลลงอ่าวไทยมากที่สุด การพายเรือเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และภาคส่วนต่างๆ ในสังคม จัดขึ้น เพื่อที่จะทำให้คนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 10 จังหวัด ได้ในตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากการทิ้งขยะลงในแม่น้ำ และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่จะเลิกทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในวันที่ 24 ตุลาคม ที่จะมาถึง จะได้มีพระราชพิธีเสด็จพยุหยาตราทางชลมารค จึงยิ่งเป็นวาระอันสำคัญ ที่พี่น้องคนไทยสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จะได้ช่วยกันทำความสะอาดแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเตรียมการ สำหรับพระราชพิธีอันสำคัญยิ่งที่คนไทยทุกคนเฝ้ารอคอย และเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของการอนุรักษ์แม่น้ำลำคลอง และมีมาตรการ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมถึงการรณรงค์ ให้ทุกภาคส่วน เห็นความสำคัญ ถึงปัญหาขยะ ให้ร่วมกัน บริหารจัดการขยะ อย่างครบวงจร ซึ่งจะนำมาสู่การแก้ปัญหา การทิ้งขยะไม่เป็นที่และปัญหาขยะในแม่น้ำได้อย่างยั่งยืน
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองที่มิวิสัยทัศเป็นเมืองมรดกโลก เป็นเมืองท่องเที่ยว สิ่งหนึ่งที่ควบคู่กับการท่องเที่ยวคือความสะอาด ความสบาย อีกทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีแม่น้ำสำคัญหลายสาย ความสะอาดของบ้านเมืองจึงเป็นความสำคัญ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของแต่ราชการเพียงฝ่ายเดียว จำเป็นต้องจับมือทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการ ภาคองค์กรส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งกิกรรมในครั้งนี้ เปรียบเสมือนการกระตุ้น ให้พี่น้องประชาชนได้เห็นความสำคัญ ว่าถ้าเราช่วยกันเราสามารถจะทำให้คูคลอง ให้พื้นที่เมืองของเรามีความสะอาดได้ อย่างยาวนานและยั่งยืน