วันนี้ ( 28 มิ.ย.66 ) นายสุทธิพงษ์  จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยว่า กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เท่าทันโลกในยุคดิจิทัล เพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรแห่งดิจิทัลเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย มี "ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร" ที่ถือเป็นหน่วยงานหลักในการประสานและบูรณาการระบบการสื่อสารร่วมกับ 76 จังหวัดและ 878 อำเภอ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนภารกิจในการประชุมระดับนานาชาติ การประชุมคณะรัฐมนตรี และการประชุมสำคัญต่าง ๆ ของทุกกระทรวง ทบวง กรม ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพ "คน" เพื่อให้คนของกระทรวงมหาดไทยในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นบุคลากรที่เพียบพร้อมไปด้วยองค์ความรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง ในการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน

"กระทรวงมหาดไทยได้จัดโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของกระทรวงมหาดไทย ระหว่างวันที่ 27 – 30 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุมวิสุทธิกษัตริย์ ชั้น 3 ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ถ.วิสุทธิกษัตริย์ กรุงเทพฯ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะให้ส่วนราชการระดับกรมและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นให้มีการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูล นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนและติดตามการปฏิบัติราชการของกรมและกระทรวงมหาดไทยให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับพันธกิจของกระทรวงมหาดไทย คือ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งพวกเราคนมหาดไทยต้องพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้รู้เท่าทันสถานการณ์และเท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน ทำให้กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงมหาดไทยยุคใหม่ ที่สนองตอบความต้องการของประชาชนในบริบทปัจจุบัน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยแก้ไขปัญหา “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน ผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมทั้งการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินงานและฐานข้อมูลในการทำงานแบบดิจิทัลเพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน" ปลัด มท. กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันในการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ หลักการ แนวคิด จากวิทยากรของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และกรมการพัฒนาชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นำคณะวิทยากรร่วมแลกเปลี่ยน เพื่อที่จะเสริมสร้างและดึงศักยภาพบุคลากรของกรม/รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้เกิดการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และมุ่งเน้นให้มีการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนและติดตามการปฏิบัติราชการของกรมและกระทรวงมหาดไทยให้ดียิ่งขึ้น 

รวมทั้งเพื่อที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่ดิจิทัลตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยมีการจัดการฝึกอบรม 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร Programmer และหลักสูตร User  ผ่านการเรียนรู้ในหัวข้อ "มุมมองภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล มุมมองที่ต้องการพัฒนากระทรวงมหาดไทยให้เป็นองค์กรดิจิทัล" การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชน มาตรฐานการทำงานด้านดิจิทัล มุมมองการพัฒนาภาครัฐสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital literacy) วิทยาการข้อมูล (Data Science) และการถอดบทเรียน (Lesson learn) การพัฒนากระทรวงมหาดไทยในโลกดิจิทัล พร้อมกับให้กลุ่มเป้าหมายได้ทำ Workshop ในการกำหนดยุทธศาสตร์แนวทางการพัฒนาองค์กร Digital Architecture ซึ่งเนื้อหาที่ได้เรียนรู้ทั้งหมดนั้น จะช่วยทำให้บุคลากรมีความพร้อม มีการ upskill/reskill เพิ่มพูนความรู้ เกิดทักษะใหม่ ๆ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่องค์กรดิจิทัลและขับเคลื่อนพัฒนาแบบองคาพยพไปสู่รัฐบาลดิจิทัลในอนาคต เกิดกลไกการทำงานแบบบูรณาการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเกิดประโยชน์ต่อส่วนราชการ หน่วยงาน สังคม และประเทศชาติ

นายสุทธิพงษ์  จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า เราทุกคนต้องทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เป็นภาษีของพี่น้องประชาชนเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ดังนั้น ขอให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนตั้งใจเรียนรู้ ฝึกฝน เก็บเกี่ยวทักษะต่าง ๆ อย่างเต็มที่ รวมพลัง มุ่งมั่นและปรารถนาที่จะ Change for Good นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับราชการ อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนเข้าถึงการติดต่อรับบริการกับหน่วยงานภาครัฐ แก้ปัญหา พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีกว่าเดิม และมีความสุขอย่างยั่งยืน