สธ.เปิดตัว "รถฟอกไตเคลื่อนที่" คันแรกของไทย-อาเซียน เพิ่มการเข้าถึงผู้ป่วยโรคไต
29 มิ.ย. 2566, 15:20
วันนี้ ( 29 มิ.ย.66 ) ที่อาคารภูมิจิต กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดรถฟอกไตเคลื่อนที่ นวัตกรรมต้นแบบเพื่อประชาชน ของกรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายขยายบริการฟอกไตฟรีให้ครอบคลุมทุกอำเภอ โดยผลักดันให้อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เน้นให้บริการผู้ป่วยโรคไตแบบเชิงรุก มุ่งการเข้าถึงบริการแบบไร้รอยต่อ ลดแออัด ลดรอคอย สะดวกและใกล้บ้าน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์โรคไตเรื้อรังในประชากรไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปี 2565 พบว่า 1 ใน 25 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่ ต้องล้างไตเพิ่มจำนวนมากขึ้น
“รถฟอกไตเคลื่อนที่ ถือเป็นนวัตกรรมต้นแบบคันแรกของประเทศไทยและกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียน ช่วยลดข้อจำกัดการให้บริการในชุมชนและเพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่สะดวก รวดเร็ว และได้มาตรฐาน ซึ่งระยะต่อไป โรงพยาบาลทั่วประเทศสามารถนำไปใช้ในพื้นที่กันดาร ห่างไกล หรือพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้เพิ่มขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ระยะที่ 5 ที่ต้องรับการรักษาด้วยการล้างไตทางหน้าท้อง (Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis : CAPD) 23,414 ราย และฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) 49,609 ราย มีคลินิกให้บริการฟอกไตด้วยวิธี Hemodialysis 1,151 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ห่างไกล ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก ส่งผลต่อคุณภาพและความต่อเนื่องในการรักษา รถฟอกไตเคลื่อนที่ จึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังได้มากขึ้น ทั้งนี้ ภายในรถ ประกอบด้วย เครื่องฟอกไต 2 เครื่อง ให้บริการได้สูงสุด 3 รอบต่อวัน มีระบบน้ำและไฟฟ้า ระบบการกำจัดน้ำเสียจากการล้างไตผู้ป่วย ที่ได้มาตรฐานและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก โดยมีพยาบาลผู้เชี่ยวชาญไตเทียม 1 คน และผู้ช่วยพยาบาลอีก 1 คน ประจำรถให้บริการ และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต ติดตามอาการผู้ป่วยขณะฟอกเลือดผ่านทางแอปพลิเคชัน ซึ่งจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศนำไปใช้บริการต่อไป