ลูกชายดีใจน้ำตาท่วม โผกอดพ่อ หายตัวลึกลับ เล่าเหตุการประหลาด เดินเท้าหนีกว่า 100 กม.
29 มิ.ย. 2566, 17:32
จากกรณีนายสุริยา วันทอง อายุ 48 ปี ได้เดินทางจากบ้านเกิดจังหวัดศรีสะเกษ และมาเช่าห้องพักอาศัยอยู่ในพื้นตำบลหนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน ต่อมานายชะ เพื่อนข้างห้องได้ชักชวนนั่งติดรถพ่วงตู้คอนเทนเนอร์เดินทางมารับทุเรียนในล้งทุเรียนแห่งหนึ่งบริเวณสี่แยกเขาปีบ ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ก่อนที่ประมาณเวลา 04.00-05.00น.ของเช้าวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสุริยายืนปัสสาวะใกล้ต้นไม้ หลังจากนั้นมีอาการแปลกๆมองตาแขวงพูดพร่ำเพ้อถึงผู้หญิง 3 คนและลูกชาย พร้อมกับทุบทำลายโทรศัพท์มือถือ จนเพื่อนที่มาด้วยกันเห็นท่าไม่ดีต้องเอาสร้อยพระคล้องคอแต่ถูกดึงออก ก่อนจะฉวยจังหวะโอกาสเพื่อนเผลอเดินขึ้นรถจักยานยนต์ชาวบ้านหายไป หลังจากนั้นลูกชายและภรรยาพร้อมน้องชายทราบข่าวจากเพื่อนนายสุริยา จึงเดินทางมาชุมพรเพื่อค้นหา โดยข่าวได้นำเสนอการติดตามของญาติมาโดยตลอดนั้น
ล่าสุดมีข่าวดีแล้วญาติต่างสุดดีใจ เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้(29 มิ.ย.)นายอนันต์ วังทอง พร้อมภรรยา และนายนันทพงศ์ วังทอง น้องชายผู้สูญหาย ได้รับแจ้งข่าวดีจากนายชยกร หรือจ่าลพ โพธิ์ทองมา อายุ 55 ปี อดีตรับราชการทหาร ปัจจุบันประกอบธุรกิจรับซื้อของเก่าอยู่ในพื้นที่ตำบลบางหมาก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ว่าได้รับนายสุริยา ไว้เป็นพนักงานที่ร้านอยู่สุขสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง แต่ทางญาติสามารถมารับนายสุริยาได้ตลอดเวลา
ต่อมาผู้สื่อข่าวและญาติได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 71 หมู่ 2 (ซอยเทศบาล12) ตำบลบางหมาก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พบนายชยกร หรือจ่าลพ เจ้าของบ้าน และเป็นเจ้าของกิจการรับซื้อของเก่ามีร้านใกล้กับบ้านพัก โดยนายชยกร เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีหัวหน้างานไซร์งานก่อสร้างบริเวณแยกหอนาฬิกา หรือแยกหมอเล็กเก่า เขตเทศบาลเมืองชุมพรโทรศัพท์มาบอกว่ามีคนมาสมัครงานก่อสร้างแต่ทางคนงานเต็มจึงบอกตนว่าจะรับไว้ไหม ตนจึงเดินทางมาพุดคุยและรับเข้าทำงานที่ร้านรับซื้อของเก่าของตน โดยไม่ได้สอบถามประวัติมากมายเห็นว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เห็นว่าตกงานมาจึงอยากจะช่วยเหลือให้มีงานทำ หลังจากนั้นก็เช่าบ้านให้อยู่ใกล้ที่ทำงาน บังเอิญวันนี้(29 มิ.ย) เปิดดูมือถือและเห็นข่าวญาติตามหานายสุริยา จำได้ว่านายสุริยาทำงานอยู่กับตนจึงเรียกมาสอบถามให้แน่ชัดก่อนจะโทรแจ้งให้ญาติทราบ”
ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวได้นั่งพูดคุยกับนายชยกร หรือจ่าลพ มีนายสุริยาขับรถจยย.ฮอนด้า เวฟสีแดงเข้ามาจอด สวมเสื้อยืดสีฟ้า นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวกแก๊ปสีขาว พร้อมกับได้ทักทายและพูดคุยเล่าถึงเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้น โดยนายสุริยา เชื่อว่าตนถูกคนเล่นของท่องคาถาทำใส่ตนขณะนั้นช่วงเวลาประมาณตี 5 รอเพื่อนขึ้นทุเรียนตนไปปัสสาวะและกลับมาเล่นโทรศัพท์มือถือเหมือนคนเล่นของเขารู้หมดและหูแว่วได้ยินเสียงผู้หญิงคุยกันตลอดเวลา หันดูก็ไม่เห็นมีใครในบริเวณนั้นตนรับว่ากินเหล้าแต่ไม่เมา และได้ยินคุยกันเหมือนขู่ฆ่าตน พูดเรื่อยแต่เรื่องสิ่งไม่ดี จึงต้องลงจากรถหนีตายเดินไปโบกจยย.ให้ไปส่งในซอยปรากฏว่าเป็นซอยตันคนขับจยย.จึงส่งแค่นี้
หลังจากนั้นเดินไปถึงอำเภอหลังสวนและถามว่ากรุงเทพไปทางไหนระหว่างนั้นหูยังได้ยินเสียงแว่วมาตลอดเหมือนให้เราเป็นบ้าชวนพูดคุยด้วย อาการทั้งหมดหายไปขณะที่ตนเองนั่งดื่มเหล้าขวดสุดท้ายที่หลังสวน ต่อมาเดินลัดเลาะริมถนนขึ้นมาชุมพรเข้าไปของานทำที่งานก่อสร้างแต่เขาไม่รับ เลยได้ทำงานที่ร้านรับซื้อของเก่าแทน
ขณะเดียวกันญาติทั้งหมดก็เดินทางมาถึงด้วยรถยนต์กระบะ เมื่อนายอนันต์เห็นนายสุริยา ผู้เป็นพ่อ ก็โผเข้ากอดร่ำให้น้ำตาอาบแก้ม พร้อมเผยว่าสุดดีใจที่พ่อปลอดภัยและสบายดี ญาติทั้งหมดขอขอบคุณนายชยกร เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าเป็นอย่างมาที่ได้รับพ่อตนเองมาอยู่มาทำงานด้วย
ทางด้านญาติลงความเห็นว่า จะพาพ่อกลับบ้านก่อนและอยากให้บวชซึ่งลูกชายก็จะบวชให้นายสุริยาด้วย หลังจากนั้นพ่อจะกลับมาทำงานที่เดิมหรือไม่นั้นสุดแล้วแต่พ่อ โดยนายอนันต์ลูกชายบอกอีกว่าหลังจากนี้พาพ่อไปกราบไหว้พระที่วัดวิสัยไตรรัตนราม (วัดร้างชุมพร) และเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯด้วยก่อนกลับบ้านเกิด” ขณะเดียวกันนายชยกร หรือจ่าลพ มอบเงิน 1,000 บาท ติดตัวไว้ใช้จ่ายระหว่างเดินทางด้วย