วันที่ 30 มิ.ย. 66 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดสระบุรี นาย สมจิตต์ รุจิวรรธน์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี พร้อมด้วยสมาชิกจากสระบุรี ลพบุรี และนครราชสีมา เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดสระบุรี เพื่อยื่นหนังสือแก่ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ส่งต่อไปยัง ครม. รักษาการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างกระทรวงอุตสาหกรรม เรียกร้องให้ดำเนินการผลักดันราคาอ้อย ราคาตันละ 120 บาท เนื่องจากทางกลุ่มได้ดกเนินการตามข้อเรียกร้อง ลดการเผาอ้อย โดยตัดอ้อยสดแทน ส่งผลให้พี่ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น  แต่หากยังนิ่งเฉยต่อการพิจารณาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยสนับสนุนกรอบวงเงินที่ตันละ 120 บาท ตามที่ได้มีการเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น ทางกลุ่มจะมีการเดินหน้าผลักดัน รวมตัวกันเข้ากระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป จากนั้น  นายกิตติศักดิ์  ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้ลงมารับหนังสือจากนาย สมจิตต์ รุจิวรรธน์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี  แทนผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เนื่องจากติดภารกิจ พร้อมทั้งกล่าวกับ นาย สมจิตต์ รุจิวรรธน์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี และตัวแทนสมาชิก ว่าจะรีบดำเนินการให้ทันที เพราะเข้าใจ และรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย

     นาย สมจิตต์ รุจิวรรธน์ นายกสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ร้องเรียนเพื่อปากท้องของประชาชน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลได้คำนึงถึง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เป็นต้นเรื่อง ในการที่จะให้เราตัดอ้อยสดสะอาด เข้าสู่โรงงานเพื่อลดค่าpm.25  ในเมื่อตอนนี้เราทำแล้ว  ซึ่งในส่วนของจังหวัดสระบุรี เรามีอ้อยสดสะอาดกว่า 60 % เกือบถึง 69 %  และอีก 30 % ก็โดนไฟไหม้ไป เพราะฉะนั้นตามที่รัฐบาลมอบนโยบายมาให้กระทรวงอุตสาหกรรม  ให้ชาวไร่อ้อยต้องทำตาม และปฏิบัติกับพี่น้องชาวไร่อ้อย หรือเกษตรกรชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ ส่งผลให้ต้องมีการเพิ่มต้นทุนในการตัดอ้อยสดมากขึ้น ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นส่วนต่างตรงนี้ ฉะนั้นตามที่สัญญาเอาไว้ที่ราคา 120 บาทต่อตัน  ควรจะพิจารณาให้พี่น้องเกษตรกร เพื่อนำไปตั้งตัว หรือลดในส่วนของค่าใช้จ่ายลง  เพราะว่าการตัดอ้อยสดอย่างที่เรียนเอาไว้ ค่าใช้จ่ายมันสูงกว่าอ้อยไฟไหม้ ถือว่าเราทำตามนโยบายของรัฐ ในส่วนของจังหวัดสระบุรี ปีนี้ได้อ้อย 2 ล้านกว่าตัน  เป็นของพี่น้องสมาชิกชาวไร่อ้อยเรา ซึ่งมีจำนวนกว่า 4,800 ราย มี 3 จังหวัด สระบุรี , ลพบุรี และนครราชสีมา คือสมาชิกของเรา ซึ่งในเมื่อเขามาเป็นสมาชิกเรา เราก็ต้องดูแล  เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ โดยตนเองนายกสมาคม และเลขาธิการสมาคม ต้องมาทำหน้าที่ของเรา ตามหน้าที่ในวันนี้ ก็คือองค์กรชาวไร่อ้อยทั่วประเทศที่จะต้องยื่นในวันนี้ 30 มิ.ย. ซึ่งเราก็ต้องทำตามนโยบาย ตามพรบ.อ้อยน้ำตาลทราย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เกะกะ ไม่ทำความเดือดร้อนต่างๆ ก็สัญญาว่า พี่น้องชาวไร่อ้อยของเรา มีกติการ มีระเบียบ และเชื่อฟังผู้นำ เรียกว่าเฮไหนก็เฮนั่น แต่ปากท้องของเราก็เป็นจุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ฝนแล้ง หรือในส่วนของน้ำมัน ปุ๋ย และยาต่างๆ มันแพงไปหมดอย่างที่ทราบๆกัน  ก็อยากจะนำเรียนพี่ๆสื่อมวลชนเหมือนกันว่า ยังไงก็ตามพวกเรามาด้วยความเกรงใจ เพราะสระบุรีของเราไม่มีปัญหากับหน่วยงานราชการ หรือท่านผู้นำ ก็ขอขอบคุณท่านรองผู้ว่าฯเป็นอย่างสูง ที่ถึงแม้จะพึ่งย้ายมาก็ตาม และมารับเรื่องตรงนี้ ซึ่งพวกตนไม่ได้กดดัน แต่ก็อยากให้ทำตามที่พูดเอาไว้  และถ้าหากว่าภายใน 2 เดือนนี้ ไม่ได้รับการตอบสนอง ไม่ได้การตอบรับ หรือเอาเข้าวาระ ก็คงจะต้องเคลื่อนกำลังเข้าไปกดดันที่กระทรวงอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม  ต้องรับเรื่องของเรา ต้องดูแลเรา ตามที่สัญญาเอาไว้ และไม่ว่าจะเป็นทางภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคเหนือ  หรือภาคกลาง ก็คงจะรวมตัวกัน  ไม่ได้ขู่ แต่เพื่อปากท้อง เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามขบวนการ  นาย สมจิตต์กล่าว