ไล่ล่า ! "แก๊งวัยรุ่น" รุมทำร้ายเด็กพิเศษ ขณะที่่แม่เผยหัวใจสลายเห็นคลิปลูกโดนรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
1 ก.ค. 2566, 12:56
เตือนระวังเพจปลอม!! แอบอ้าง "กรมการจัดหางาน" ร่วมกับเอกชน เปิดรับสมัครงานออนไลน์ ย้ำ! เจออย่าหลงเชื่อเด็ดขาด
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พบโจรไซเบอร์แสบ! มาในรูปแบบใหม่ ปั่นข่าวปลอม กรมการจัดหางานร่วมกับภาคเอกชน เปิดรับสมัครงาน ผ่านเพจบริษัทจัดหางานออนไลน์ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ระวัง! ถูกหลอกให้ทำงานง่าย รายได้ดี ไม่มีจริง รองลงมา“ออมสิน”ถูกอ้างชื่อปล่อยสินเชื่อกู้เงินด่วนมาไม่หยุด! ย้ำเตือนเป็นข้อมูลเท็จ มีสติรู้ทันกลโกง
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 23 - 29 มิถุนายน 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,198,791 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ(Verify) ทั้งสิ้น 250 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 212 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 38 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 162 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว103 เรื่อง
ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในกระเทศ จำนวน 69 เรื่อง อาทิ กทม.ห้ามใช้สนามหลวงจัดเทิดพระเกียรติในหลวงเป็นต้น
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 51 เรื่อง อาทิมีอาการระคายเคืองตา หรือมีปัญหาในการมองเห็น ประจำเดือนผิดปกติ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 12 เรื่อง อาทิ เชียงใหม่พบจุดเสี่ยง 2 รอยเลื่อน มีพลังพาดผ่านพื้นที่ในเมือง-แม่ออน-แม่อาย เป็นต้น
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 30 เรื่อง อาทิ แบงก์ชาติร่วมธนาคารกรุงศรี ทดสอบใช้งานสกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชนหรือ Retail CBDC ครั้งแรกของประเทศ เป็นต้น โดยมี ประเด็นข่าวที่เกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 1 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์ล่าสุดนี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นข่าวด้านกลุ่มนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ รองลงมาเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและกลุ่มเศรษฐกิจตามลำดับ
สำหรับข่าวปลอม และข่าวบิดเบือนที่มีการแชร์วนซ้ำบ่อยที่สุดในรวม 10 ลำดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง กรมจัดหางานร่วมกับภาคเอกชน เปิดรับสมัครงาน ผ่านเพจบริษัทจัดหางานออนไลน์
อันดับที่ 2 : เรื่อง สินเชื่อออมสินเพื่อธุรกิจ เงินกู้ด่วน กู้ได้ทุกอาชีพ
อันดับที่ 3 : เรื่อง ธ.ออมสินเปิดเพจ สินเชื่อ GSB ออมสิน ปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน ผ่อนจ่าย 24 เดือน
อันดับที่ 4 : เรื่อง ใจหวิว ใจสั่น ตกใจง่าย เกิดจากซี่หัวใจและถุงน้ำดีพร่อง
อันดับที่ 5 : เรื่อง ก.ล.ต. รับรองงานออนไลน์ รับสมัครผ่านบัญชีแอปพลิเคชันสีฟ้า
อันดับที่ 6 : เรื่อง เส้นสีขาวในตัวหอยแมลงภู่คือพยาธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีการเผยแพร่คลิปเด็กพิเศษโดนวัยรุ่น 2 คนรุมกระทืบเตะต่อยอย่างโหดเหี้ยมทารุณและบังคับให้เหยื่อไปกราบเท้าขอโทษเพื่อนของตนเองที่นั่งอยู่ ซึ่งภาพคลิปดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์สร้างความเศร้าสลดใจให้กับประชาชนที่ได้ชมเป็นอย่างมาก ต่างพากันวิพากวิจารณ์ถึงความโหดร้ายของวัยรุ่นกลุ่มนี้กันอย่างกว้างขวาง
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ไพร อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นางสะอาด ศรสันต์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 หมู่ 1 บ้านไพร ต.ไพร อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้นำตัว น้องบ็อค (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เด็กพิเศษเคราะห์ร้ายที่โดนกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกายมาพบกับ ร.ต.อ.พิชิต โพธิทัต ร้อยเวรสอบสวน สภ.ไพร เจ้าของคดี เพื่อทำการสอบปากคำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบสำนวนคดี โดยมีเจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมรับฟังการสอบปากคำในครั้งนี้ด้วย
น้องบ็อค (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เด็กพิเศษเคราะห์ร้าย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับขี่รถ จยย.ติดตามรุ่นพี่คนหนึ่งให้เข้าไปที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ เพื่อไปเอาสายชาร์จโทรศัพท์มือถือ และต่อมาตนไม่ทราบว่า เพราะอะไรจึงมีวัยรุ่นตามคลิป 2 คนเข้ามารุมทำร้ายร่างกายของตนและบังคับให้ตนเข้าไปกราบเท้าขอโทษ นายหนำ (นามสมมุติ) เจ้าของบ้าน จากนั้น ตนได้ออกจากบ้านที่เกิดเหตุและขับขี่รถ จยย.ออกไปจากบ้าน ซึ่งตนไม่ทราบว่า สาเหตุที่ตนโดนทำร้ายเกิดจากสาเหตุใด ที่ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณปาก ใบหน้าและตามร่างกายหลายแห่ง
นางสะอาด ศรสันต์ อายุ 52 ปี แม่ของน้องบ็อค กล่าวว่า ตนได้เห็นคลิปภาพในสื่อโซเชี่ยลที่มีเพื่อนบ้านนำเอามาให้ดูเหตุการณ์ที่ลูกชายของตนโดนรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งทำให้ตนแทบหัวใจสลายที่เห็นลูกรักโดนรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์โดนทำร้ายร่างกาย แต่ว่าลูกชายของตนซึ่งเป็นเด็กพิเศษก็ไม่ยอมบอกตนว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ตนเห็นร่องรอยบาดแผลที่โดนทำร้ายร่างกาย ดังนั้น ตนจึงได้นำลูกชายมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ไพร เมื่อประมาณวันที่ 29 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา เพื่อให้พนักงานสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ร.ต.อ.พิชิต โพธิทัต ร้อยเวรสอบสวน สภ.ไพร เจ้าของคดี กล่าวว่า คดีนี้ตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ซึ่งได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน เร่งติดตามไล่ล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งทราบชื่อทั้งหมดแล้ว เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นจะได้ตั้งข้อหาว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้รับบาดเจ็บและกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งขณะนี้ได้รับการติดต่อจากบรรดาผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุแล้วว่า จะนำตัวผู้ก่อเหตุ ประกอบด้วย นายน้ำ นายเด และนายหนำ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุเพื่อมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนในวันนี้