นายกฯ ยินดีสินค้าปศุสัตว์ไทยมีมาตรฐานสากล มาเลเซีย รับรอง รง.ผลิต เพิ่ม 11 แห่ง
2 ก.ค. 2566, 11:20
วันนี้ (2 ก.ค. 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ Department of Veterinary Services (DVS) และ Department of Islamic Development Malaysia (JAKIM) ของประเทศมาเลเซีย มีความเชื่อมั่นในระบบการตรวจสอบ รวมถึงระบบควบคุมกระบวนการผลิตไทย จึงให้การรับรองโรงงานผลิตสินค้าปศุสัตว์ไทยเพิ่มอีกจำนวน 11 แห่ง คาดการณ์ปี 2566 นี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปมาเลเซียเพิ่มขึ้นมหาศาล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานด้านปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากประเทศมาเลเซีย ได้ติดตามและประเมินกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์ของไทยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม 2566 ประเมินความสอดคล้องตามข้อกำหนด เงื่อนไข และระเบียบของประเทศมาเลเซีย ซึ่งจากการประเมินมาเลเซียเชื่อมั่น และชื่นชมการทำงานของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ควบคุมดูแลการทำงานได้อย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง และประเทศมาเลเซียได้ให้การรับรองโรงงานผลิตสินค้าปศุสัตว์ของไทยเพิ่ม 11 แห่ง ได้แก่ โรงฆ่าไก่ 7 แห่ง โรงฆ่าเป็ด 1 แห่ง และโรงงานผลิตภัณฑ์นม 3 แห่ง จากเดิมที่รับรองไปแล้ว 37 แห่ง
โดยจากสถานการณ์การส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 มีมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์จากไทย 85,059 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ สินค้าจำพวก เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ที่มีมูลค่าส่งออกมากกว่า 46,000 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการบริโภคของตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน และสหภาพยุโรป ซึ่งจากการที่หน่วยงานของประเทศมาเลเซียให้การรับรองโรงงานผลิตสินค้าปศุสัตว์เพิ่มอีกขึ้น 11 แห่ง คาดการณ์ได้ว่าเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์จากประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น 10% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 1,500 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรียินดีกับการพัฒนาคุณภาพของสินค้าปศุสัตว์ไทย ตั้งแต่การควบคุมกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิต ตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล คุ้มครองผู้บริโภคให้ได้บริโภคสินค้าปศุสัตว์ที่ปลอดภัย ได้รับการยอมรับ ซึ่งต้องขอบคุณการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดผลเป็นความสำเร็จ สร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศคู่ค้า ส่งออกสินค้าได้มากขึ้น” นายอนุชาฯ กล่าว