วันที่ 4 ก.ค.66 เวลา 11.15 น. ณ สภ.เมืองชุมพร นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ลง จ.ชุมพร หลังแม่สงสัยการเสียชีวิตของลูกสาวและคาใจ หลังแพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี สารหนูในร่างกาย แล้วมารู้ว่าลูกสาวได้ทำประกันชีวิตและมีปัญหากับสามีเจ็บจนมาป่วยหลายครั้งก่อนเสียชีวิต จึงได้อายัดศพลูกสาวส่ง นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรค้นหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นางแก้ว (นามสมมุติ)อายุ 50 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัวเข้าร้องทุกข์กับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมแจ้งว่า ตนสงสัยการเสียชีวิตของน.ส.เก๋(นามสมมุติ) ลูกสาววัย 30 ปี หลังป่วยหนักและแพทย์ที่รักษายังได้ตรวจพบสารปรอท สังกะสีและสารหนูในร่างกาย และสงสัยว่าลูกสาวน่าจะถูกวางยา
นางแก้ว(ขอสงวนนามสกุล) ผู้เป็นแม่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.66 ที่ผ่านมาแม่ได้รับโทรศัพท์จากพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร แจ้งว่า ขณะนี้ลูกสาวมีอาการชักเกร็ง บางครั้งอาการก็ดีขึ้น บางครั้งหัวใจก็ทำงานผิดปกติ และได้ส่งต่อไปโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.66 ตนจึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อพบว่าลูกสาวที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู แต่ถูกทางนายเอ(นามสมมุติ) ซึ่งเป็นสามีกีดกันไม่ให้แม่และพ่อเข้าไปเยี่ยม ทำได้เพียงแค่สอบถามอาการป่วยของลูกสาวจากแพทย์และพยาบาลแค่นั้น โดยนายเอ(สามี) เป็นคนเฝ้าดูลูกสาวอยู่ตลอดตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 จนกระทั่งวันที่ 26 มิ.ย. 66 ลูกสาวที่เข้ารักษาตัวได้เสียชีวิตลง
นางแก้ว ผู้เป็นแม่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทราบว่าลูกสาวจะมีอาการชักเกร็งและหัวใจเต้นผิดปกติอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแม่ก็เข้าใจว่าลูกอาจจะมีความเครียดจัด เนื่องจากมีการฟ้องหย่ากับสามี แต่ภายหลังทั้งคู่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีก และที่แม่สงสัยอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ลูกสาวมีประกันชีวิต หลังมีปัญหากับสามี เวลาขับรถไปไหนด้วยกันมักจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ลูกสาวตนก็ได้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
จนกระทั่งมาทราบเรื่องอีกทีถึงการเสียชีวิตของลูกสาว และได้ทราบจากแพทย์ที่ดูแลรักษาลูกสาวแจ้งว่า พบสารปรอท สังกะสีและสารหนูในร่างกายลูกสาว แม่จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าสารเหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายลูกสาวได้อย่างไร จึงได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร และขอร้องขอความเป็นธรรมและให้ มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมแก่ลูกสาวของตนเองด้วย
ทางด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง จำเป็นต้องให้ทางตำรวจและแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและสรุปสำนวน ซึ่งได้ประสาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อช่วยคลี่คลายคดีนี้แล้ว โดยวันนี้ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ประสิทธิศักดิ์ ศรีสุข รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองชุมพร นพ.อนุ ทองแดง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร นพ. สัญชัย นาคะพันธ์ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ สสจ.ชุมพร และคณะแพทย์ที่ทำการรักษา และคาดว่าจะได้ข้อสรุปจากนี้ต่อไป.
ทางด้าน พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร หลังร่วมประชุมกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า จากการที่ได้ประชุม ร่วมกับทางมูลนิธิฯ โดยแม่ผู้เสียชีวิต ยืนยันที่จะดำเนินคดีหลังมีข้อสงสัยการเสียชีวิตของลูกสาวตน จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองชุมพร ได้ทำการรวบรวมหลักฐานประกอบสำนวนเพื่อส่งฟ้องตามความประสงค์ของแม่ผู้เสียชีวิตต่อไป
ทางด้าน นายเอกลัษณ์ วานิชตระกูล อายุ 38 ปี(สามี) ได้เดินทางมาที่ สภ. เมืองชุมพร เช่นกัน โดยได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เหตุการณ์ที่ร้องเรียนกับมูลนิธิฯดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เท่าที่ตนทราบก็คือ จากข่าวที่ว่าภริยาตนได้ทำประกันชีวิต โดยในกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ระบุผู้รับผลประโยชน์ก็คือ ลูกชายคนโตของตน เป็นผู้รับประโยชน์แต่เพียงคนเดียว ในขณะนั้นลูกสาวคนเล็กยังเล็กๆอยู่ ตนจึงได้นำ กรมธรรม์ประกันชีวิตที่ภริยาที่ทำไว้ มาให้คณะกรรมการมูลนิธิฯดูในวันนี้ และและมีสารอันตรายอยู่ในร่างของภริยาตนด้วย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ อีกอย่างตนก็ได้ทราบว่า พ่อของแฟนก็ยังล้มป่วยอยู่ แล้วยังตรวจพบสารอันตรายอยู่ในร่างกายพ่ออีกด้วยเช่นกัน จากนั้นได้เอาภาพถ่ายที่บ้าน ที่พ่อและภริยาตนอาศัยอยู่มาตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งเป็นร้านซ่อมรถที่ติดห้องนอน โดยมีเพียงหน้าต่างกั้นห้องนอนกับร้านซ่อมรถเท่านั้น ให้ผู้สื่อข่าวดูประสิทธิ์/ชุมพร