คืบหน้าคนร้ายยิง ม.4 ดับ พ่อค้านประกันตัว หวั่นยุ่งกับพยาน
5 ก.ค. 2566, 16:43
จากกรณีเกิดเหตุคนร้าย ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมซิ่งรถยนต์กระบะ สะกดรอยตามประกบยิงนายพีรพัฒน์ พัฒนเจริญ หรือน้องพีพี อายุ 15 ปีนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเมืองหลังสวน จ.ชุมพร หลังจากซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนกลับจากเที่ยวงานผลไม้ ดับ ร่างพรุนริมถนนสายเอเชีย 41 ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันรอดตายหวุดหวิด เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถควบคุมตัว นายตั้ม ซึ่งเป็นพ่อของเด็กที่มีปัญหากับผู้เสียชีวิต พร้อมรถยนต์กระบะคันที่ก่อเหตุ นำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายผล และหลักฐานการจับกุมในครั้งนี้คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพรถยนต์กระบะ ของนายตั้ม ที่ขับตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต
ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับนายวัชระ พัฒนเจริญ พ่อน้องพีพี ซึ่งเขาได้บอกว่า ตามที่มีข่าวว่าลูกตนเป็นคนเกเร เคยไปก่อเหตุทำร้าย นายกัปตัน ลูกชายนายตั้ม จนเกิดเหตุล้างแค้นกันนั้น ตนเองยืนยัน ลูกตนเอง ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น ลูกตนเป็นเด็กเรียน และเป็นนักกีฬา ซึ่งอยู่ระหว่างซ้อมเพื่อไปแข่งขันเรือที่ จ.ภูเก็ต แต่ก็มาเกิดเหตุขึ้นก่อน ซึ่งตนเองได้พยายามสืบหาข้อมูลต่างๆจนทราบว่า มีอยู่วันหนึ่งลูกชายตน ได้ไปเที่ยวงาน ใน อ.หลังสวน ตามประสาวัยรุ่นคนหนึ่ง และวันนั้นได้เกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกัน มีการลงมือลงไม้ใช้อาวุธกันจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนลูกชายเขา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
นายวัชระ บอกว่า จะด้วยเหตุอื่นใดไม่ทราบมีหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่ทะเลาะวิวาท ไปบอกกับนายกัปตัน ว่า น้องพีพี ลูกชายอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทำให้ นายกัปตัน ผูกใจเจ็บ และคาดว่า ได้ร่วมวางแผนกับพ่อ และได้ว่าจ้างมือปืน มายิงลูกชายตนดังกล่าว เริ่องนี้ เป็นเรื่อง ลูกตนไม่ใช่เด็กเกเรดังเป็นข่าวออกไป ตนเองรู้สึกเสียใจกับความสูญเสียคนอันเป็นที่รักแล้ว ยังค้องมาเสียความรู้สึกกับข่าวที่ออกไปอีก
นายวัชระ ยังบอกอีกว่า วันนี้ได้เดินทางไป สภ.หลังสวน เพื่อขอคัดค้านการประกัน นายตั้ม ชั้นพนักงานสอบสวน และพรุ่งนี้ก็จะไปขอคัดค้านอีกครั้งในชั้นศาล โดยตนเองได้เหตุผลว่า ผู้ก่อเหตุ มีจิตใจโหดร้าย และยังมีอิทธิพล มา หวั่นว่าจะมาสร้างความวุ่นวายจนเสียรูปคดี ทั้งนี้ตนเองยังทราบว่า ทางตำรวจออกหมายจับในคดีนี้แล้ว 4 คน และสามารถจับกุมตัวได้ 1 คน ซึ่งหากยังจับที่เหลือไม่ได้และดูคดีไม่คืบหน้า วันอาทิตย์นี้ ซึ่งกำหนดจะฌาปนกิจน้องพีพี ก็ต้องหยุด จนกว่าจับได้หมดทุกคน และดูสำนวนจึงจะฌาปนกิจน้องพีพี
ด้านน.ส. จุไรรัตน์ เทศพิทักษ์ อายุ 37 ปี เป็นป้าสะใภ้ น้องพีพี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุน้องพีพียังเคยพูดให้ตนเองฟังอยู่เสมอว่าน้องพีพีจะเป็นแชมป์แข่งเรือให้ได้ และทราบว่าจะไปแข่งเรือวันพุธที่ 5 ก.ค.นี้ และพร้อมจะให้เงินเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งทุกอย่างปกติไม่มีลางบอกเหตุมาก่อนว่าจะเกิดเหตุร้าย จนช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม (วันที่ 29 มิ.ย.) น้องพีพีมาบอกตนว่าจะไปเที่ยวงานจนเวลาประมาณ00.40 น. น.ส.ปวริศา บัวทิม อายุ 43 ปี ซึ่งขณะนั้นอาศัยอยู่กทม.(แม่น้อง) โทรมาบอกว่าน้องพีพีถูกยิงอยู่รพ.หลังสวน อาการหนักญาติทั้งหมดเดินทางไปดูอาการพบว่าเจ้าหน้าที่รพ.กำลังปั้มหัวใจแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
ป้าสะใภ้ กล่าวอีกว่า น้องพีพีไม่เคยเล่าให้ฟังว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาท เพราะไม่เคยมีเรื่องกับใครการันตีได้เลย แต่มาระยะหลังเราไม่ได้เจอกันเลยไม่ทราบว่าจะมีเรื่องที่ไหนบ้าง สอ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วเป็นเรื่องของเด็กพ่อเขาน่าจะมาคุยกันถ้าสมมุติว่าลูกเราไปทำลูกเขา เราพร้อมจะคุยเราไม่เข้าข้างว่าลูกถ้าผิดจริง แต่มาทำกับแบบนี้มันโหดมากรับไม่ได้มันเกินกว่าเหตุจริงๆ ลองคิดว่าถ้าทางเราไปทำกับลูกเขาบ้างเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน หลังเกิดเหตุครอบครัวผู้ก่อเหตุไม่เคยมาขอโทษ น้องพีพียังเคยบอกตนว่าเรียนจบจะบวชให้แม่(คือป้าสะใภ้น้องพีพีนับถือเป็นแม่ส้ม) และน้องพีพีมีความฝันว่าอยากเป็นนักพายเรือทีมชาติ และเป็นตำรวจ ทางด้างลุงน้องพีพีก็พยายามสนับสนุนสานฝันของน้องพีพีเป็นจริงแต่มาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ทางด้าน น.ส.กาญจนา ชูแสง อายุ 27 ปี น้าน้องพีพี กล่าวว่า เห็นน้องพีพีวิ่งออกมาจากในงานถามน้องพีพีว่ามีอะไร น้องพีพีบอกว่าเห็นวัยรุ่นตีกัน ตนจึงบอกให้น้องพีพีกลับบ้าน หลังจากนั้นน้องพีพีก็กลับบ้านกับเพื่อนอีก 2คน ซ้อนสามกันออกจากงานโดยมีนายวาเป็นคนขับ นายหนึ่งนั่งกลาง น้องพีพีนั่งหลังสุด หลังจากส่งนายหนึ่งเสร็จและกำลังขับจยย.ออกไปบนถนนสายเอเซีย 41 ก่อนถึงสามแยกวังตะกอประมาณ 100-150 เมตรก็ถูกยิง แต่ก่อนหน้านั้นได้โทรไปถามว่าถึงบ้านหรือยังแต่เพื่อนรับสายบอกว่าน้องพีพีถูกยิงจึงตามไปรพ.หลังสวน ซึ่งระหว่างนั้นเวลาผ่านไปเพียง10 นาทีเท่านั้นเพราะงานอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ
ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก. สภ.หลังสวน บอกว่า หลังจากพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรวม 4 คนแล้ว คือนายตั้ม (พ่อของนายกัปตัน) นายศุภชัย (มือยิง) และก็เยาวชน 2 คน เบื้องต้นนายตั้ม ที่จับกุมตัวได้ ยังให้การปฎิเสธ ส่วนนายศุภชัย ได้จัดชุดลงพื้นที่ติดตามจับกุมแล้ว คาดว่าหนีไปกบดานในพื้นที่สุราษฎร์ธานี ส่วนเยาวชนทั้งสองคน ก็อยู่ระหว่างการติดตามตัว ที่คาดว่าจะได้ตัวทั้งหมดในเร็ววันนี้
ต่อมาร.อ.กอบศักดิ์ นาคหาญ หน.ชรต.403(ชพ.)กอ.รมน. ได้เดินทางมาพบกับน.ส.ปวนิศา บังทิม อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นแม่ของน้องพีพีผู้ตายและเป็นผู้ร้องสายด่วนกร.อมน. เพราะไม่มั่นใจขบวนการสอบสวนของพนักงานสภ.หลังสวน โดยให้เหตุผลว่าเข้าไปขอดูสำนวนและผลการชันสูตรจากพนักงานสอบสวน เจ้าของคดีปรากฏว่าไม่ได้รับความสะดวกอีกทั้งเรื่องขอใบมรณะบัตรก็ยังโยนภาระไปที่รพ.รพ.สุราษฎร์ฯซึ่งเป็นรพ.ที่นำร่างของน้องพีพีไปชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดที่สุดท้ายก่อนมาอบศพให้กับทางญาติบำพ็ญกุศลตามประเพณีจึงได้ร้องเรียนไปยัง กอ.รมน.ช่วยติดตามผลทางคดีและให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวตัวเองซึ่งเป็นผู้สูญเสียคนอันเป็นที่รักยิ่ง