วันที่ 7 ก.ค.2566 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งขับรถยนต์พุ่งชนรถของประชาชนและคนเดินถนน ตามถนนเส้นทางต่าง ๆ เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, พ.ต.ท.เมธี ศรีวันนา รอง ผกก.(ป.) สภ.เมืองขอนแก่น, พ.ต.ท.พิทักษ์เขต สิงห์พิทักษ์ รอง ผกก.(จร.) สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนมาก

ที่เกิดเหตุพบรถที่ก่อเหตุคือ รถยนต์ ยี่ห้อออร่า กู๊ดแคท สีเทา ทะเบียน ขน-100 ขอนแก่น ขับชนรถยนต์ของประชาชน คนเดินเท้า รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ สองฟากฝั่งถนน และกำลังหลบหนีไปตามถนนศรีจันทร์-หน้าเมือง-หลังเมือง-รอบเมือง-รื่นรมย์ และ ถ.ประชาสโมสร โดยขับรถชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหายหลายคัน

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ขับรถเข้าขวางแต่คนร้ายได้ขับรถพุ่งชนรถสายตรวจของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย และพยายามหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัดสินใจใช้อุปกรณ์หยุดยานพาหนะ Stop stick วางขวางรถผู้ก่อเหตุ เหยียบจนยางรถรั่ว แต่รถผู้ก่อเหตุก็ยังเคลื่อนต่อไปได้ จนกระทั่ง หลบหนีเข้าไปในซอยสุภภีระ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้รถปิดกั้นทุกเส้นทางเพื่อไม่ให้หลบหนีไปได้อีกจนกระทั่งจนมุมในที่สุด

เมื่อรถหยุดแน่นิ่งสนิท เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุชื่อ นายบวรวงศ์ ไกรฤกษ์ อายุ 36 ปี ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาคล้ายเสพสารเสพติด มาสงบสติอารมณ์และควบคุมตัวที่ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งจากการสอบถามผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้เสพยาไอซ์มาเมื่อคืนที่ผ่านมา จนเกิดอาการหลอนและขับรถออกมาก่อเหตุดังกล่าว

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาอยู่ในสภาพอาการที่คุยไม่รู้เรื่อง จึงต้องควบคุมตัวไว้เพื่อสงบสติอารมณ์ ซึ่งขณะนี้ผู้ปกครองได้มาติดต่อและรับทราบเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่การตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง จึงตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นรวม 5 ข้อหา

ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย,ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว, ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี, ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, เป็นผู้ขับขี่ มีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ในร่างกาย โดยผิดกฎหมาย พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น

ขณะที่ความเสียหายเบื้องต้นพบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประชาชนรวมทั้งรถยนต์ของตำรวจ เสียหายรวม 6 คัน และยังคงมีทรัพย์สินต่าง ๆ เสียหาย ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุแล้ว