โดยนายชินภัทร เล่าว่า ในส่วนของนกยูงนั้นตนเองเลี้ยงได้ประมาณ 3 ปีกว่า โดยนำนกยูงสายพันธุ์อินเดีย ที่สามารถเลี้ยงได้และไม่ต้องขออนุญาต ตอนแรกทำการเลี้ยงเล่นๆ เพื่อความสนุกสนานสวยงาม แต่พอเลยระยะเวลา 3 ปี อายุได้กำหนดที่จะออกไข่ออกลูกได้ ก็เลยทำการซื้อตู้ฟักไข่มา ซึ่งผลออกมาก็สามารถเป็นลูกนกได้ โดยวิธีการจำหน่ายของตนเองนั้นจะมีการโพสต์ในกลุ่มและจะมีพ่อค้าติดต่อซื้อมา นอกจากนั้นก็จะมีเพื่อนฝูงที่ทราบข่าวว่าเลี้ยงนกอยู่ก็จะมาขอซื้อตนเองก็จะแบ่งปันให้กับเพื่อนในราคาที่ไม่แพงมากนัก โดยจะขึ้นอยู่ที่เกรดของนกยูง เริ่มตั้งแต่เกรด A,B,C,D ซึ่งการจำแนกเกรดนั้น ก็จะดูที่สีสันของนกยูง ซึ่งนกยูงอินเดีย สีพื้นๆจะเห็นเป็นสีน้ำเงินซึ่งมีลักษณะทั่วไปก็จะถูกลง ต่อมาก็จะมีการพัฒนามีปีกลาย มีสีที่แตกต่าง สีขาว ก็จะเริ่มอัพราคาเป็นแต่ละเกรดไป ซึ่งที่ผ่านมาก็จะจำหน่ายให้กับเพื่อนๆในราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 2500 บาทโดยอายุนั้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 1 เดือนกว่า ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วหากนกยูงที่โตขึ้นก็จะจำหน่ายในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 7000 บาทไปจนถึง 10,000 กว่าบาท ตามลักษณะความสวยงามของนกยูง ซึ่งโดยส่วนมากตลาดใหญ่ๆน่าจะมี เวียดนามและประเทศเพื่อนบ้านมีอยู่หลายประเทศที่มีความต้องการ และวิธีการเลี้ยงของตนเองนั้นก็จะเลี้ยงแบบธรรมชาติ โดยการปล่อยเหมือนการเลี้ยงไก่พื้นบ้านโดยทั่วไป แต่ที่ต้องระวังก็คือโรค ซึ่งก็เหมือนไก่ธรรมดาทั่วไป เริ่มแรกนั้นได้มีการซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ที่ดูจากการไลฟ์สด และอยากจะเลี้ยงอะไรที่มีความแตกต่างจากชาวบ้าน จึงซื้อที่เป็นเกรดต่ำๆมาก่อน จากนั้นมาพัฒนาสายพันธุ์ โดยเริ่มต้นที่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ จำนวน 6 ตัว ซึ่งปัจจุบันได้มีการแพร่พันธ์ได้ลูกมาแล้วมากกว่า 20 ตัว รวมแล้วปัจจุบันมีนกยูงกว่า 30 ตัว ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าประมาณกว่า 200,000 บาท