นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรณีมีประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านสื่อมวลชน ระบุว่าย่านท่องเที่ยวชายหาดเมืองพัทยามีคนต่างชาติจำนวนมากใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกตระเวนเร่ขายอาหาร อาทิ ผลไม้ กาแฟ ไอศกรีม ในพื้นที่เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นั้น กรมการจัดหางานรับทราบเรื่องแล้วไม่นิ่งนอนใจ เร่งสั่งการสำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เพื่อมิให้กระทบต่อโอกาสการมีงานทำของคนไทยจนส่งผลต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

นายไพโรจน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี เทศกิจเมืองพัทยา และสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา สุ่มตรวจสอบผู้ใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างเร่ขายสินค้าในบริเวณท่าเรือแหลมบาลีฮาย ชายหาดพัทยา และชายหาดจอมเทียน จำนวน 23 ราย จากการตรวจสอบพบคนสัญชาติกัมพูชา จำนวน 2 ราย ไม่มีเอกสารใดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีในความผิด ตามพรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ ส่วนที่เหลือจำนวน 21 ราย พบว่าเป็นคนไทย  

โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 20 กรกฎาคม 2566) กรมการจัดหางานมีการตรวจสอบการทำงานของคนต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 461,303 คน ดำเนินคดี จำนวน 3,136 คน ในจำนวนนี้เป็นคนต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย จำนวน 1,466 คน

 “ขอขอบคุณพลเมืองดี และสื่อมวลชนที่เป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด จากนี้กรมการจัดหางานจะลงพื้นที่ตรวจสอบ และดำเนินคดีอย่างเข้มงวดกับคนต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทยต่อไป ทั้งในพื้นที่ที่ได้รับแจ้งเบาะแส และพื้นที่ที่พบคนต่างชาติอยู่อาศัยจำนวนมาก” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว