ชาวบ้านแห่ซื้อบัตรพลังงานอ้างรักษาปวดเมื่อย แค่แตะ-จุ่มน้ำ-วางใต้แก้ว
12 มิ.ย. 2562, 09:42
วันที่ 11 มิ.ย. 62 ที่บ้านศาลาดิน ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีการซื้อขาย บัตรสมาร์ทการ์ด ที่อ้างว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคโดยเฉพาะอาหารปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย โดยวิธีการใช้คือนำบัตรไปแตะบริเวณที่ปวด หรือ นำแก้วน้ำไปวางบนบัตร และ นับ 1ถึง10 จากนั้น นำมาดื่ม และอีกวิธีหนึ่งคือ การนำเอาบัตร ไปจุ่มในแก้วน้ำแล้วนำมาดื่ม ซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถช่วยอาการปวดให้ทุเลาลงได้
นางทองศรี วงษ์ไชยเวทศ์ อายุ 66 ปี เป็นหนึ่งคนที่ซื้อบัตรมาจากนายทวี ในราคา 1,100 บาท นางทองศรีเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองมีอาการปวดหลัง และมีน้ำไหลออกมาจากหู ก่อนหน้านี้เคยไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ไม่หาย จึงได้ลองซื้อบัตรพลังงานนี้มาใช้ แตะไว้ที่หลัง พบว่าอาการน้ำที่ไหลออกจากหูนั้นหายไป แต่ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้ทานยาจากโรงพยาบาลที่ให้มาควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ ตนยังใช้วิธี วางแก้วน้ำไว้บนบัตรแล้วอธิษฐานให้หายจากโรค ซึ่ง นางทองศรีก็ยอมรับว่า หลังจากใช้บัตรแล้ว อาการปวดหลังยังมีอยู่ แต่ไม่มีน้ำไหลออกจากหูแล้ว ส่วนตัว ก็เชื่อว่าบัตรสามารถช่วยได้ 50 เปอร์เซ็นต์
ด้านนายทวี เพียอินทร์ ชาวบ้านศาลากิน ใน อ.อุบลรัตน์ ขอนแก่น เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกชักชวนเข้าอบรมในการใช้บัตรสมาร์ทการ์ด โดยนายทวี เรียกบัตรนี้ว่า บัตรพลังงาน เพราะสามารถใช้รักษาอาการปวดหลังของตนเองได้ ซึ่งก่อนจะได้บัตรนี้มา มีคนจากบริษัทแห่งหนึ่งมาชักชวนให้เข้าอบรม และสาธิต สรรพคุณของบัตรให้ดู ช่วงระหว่างการสาธิต เมื่อพนักงานนำบัตรมาแตะที่ตัวตนเองรู้สึกมีอาการชา และพอนำบัตรออก ก็หายจากอาการชานั้น ตนจึงตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกเพื่อจะได้สมาร์ทการ์ดนำกลับมาใช้ โดยสมัครครั้งแรก มีการให้เลขที่บัญชีกับเจ้าหน้าที่ และได้จ่ายเงินไป 4,400 บาท ได้บัตรมา 5 ใบ หลังจากนั้น ตนจึงนำมาบอกต่อ คนที่สนใจ โดยขายให้ในราคา 1,100-1,500 บาท เพื่อให้นำไปรักษาอาการปวดเมื่อย ซึ่งหากตนเองขายได้ และมีสมาชิกเพิ่มก็จะได้เงินเพิ่มเข้ามาในบัญชี
ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามชาวบ้านอีกหลายรายพบว่า ไม่เพียงแค่ชาวบ้านศาลาดินเท่านั้น ที่ซื้อขายบัตรสมาร์ทการ์ด หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบัตรพลังงาน แต่มีชาวบ้านอีกหลายหมู่บ้านก็มีบัตรลักษณะเดียวกันนี้ ซึ่งยังมีชาวบ้านอีกหลายคนไม่เชื่อว่าบัตรนี้จะสามารถรักษาอาการต่างๆได้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบ เพื่อไม่ให้มีผู้เสียหายจากกรณีนี้เพิ่มขึ้น หากขายบัตรนี้เป็นการหลอกลวง