วันนี้ 25 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายแสงทอง พาแก้ว ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หมวดการทางสังขละบุรี ลงพื้นเพื่อทำการซอมแซมพื้นผิวถนนทางหลวงหมายเลข 323 (ทองผาภูมิ-สังขละบุรี) บริเวณหลัก ก.ม ที่ 265 (เนินยาว) ซึ่งเป็นช่วงภูเขาสูงที่มีความลาดชัน ก่อนถึงตัวอำเภอสังขละบุรี  ที่ผ่านมามักเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์และรถยนต์พลิกคว่ำบ่อยครั้ง รวมทั้งปัญหารถบรรทุกขนาดใหญ่ขึ้นเขาไม่ไหว กีดขวางการจราจร เนื่องจากถนน 323 จากอำเภอทองผาภูมิ-อำเภอสังขละบุรี เป็นถนน 2 ช่องการจราจร ไม่มีไหล่ทาง  โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อมีฝนตกลงมา จะทำให้ถนนลื่น  เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุด

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ผ่าน นายพนม โพธิแก้ว ส.ส. เขต 5 กาญจนบุรี เพื่อให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดำเนินการแก้ไข เพื่อลดความเดืออร้อนของพี่น้องประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้าและนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นจุดที่อันตราย

นอกจากบริเวณเนินยาวแล้ว จุดที่พบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากที่สุดอีกจุดคือบริเวณหลัก ก.ม.ที่ 263 (เนินพวงมาลัย) ซึ่งเป็นจุดที่ถนนเป็นเขาสูงชันและโค้งหักศอก  ผิวถนนมีความลื่น และบางช่วง เป็นหลุมขรุขระ ทำให้รถบรรทุก 10 ล้อ และ 18 ล้อ ที่ขนสินค้าจากตัวเมืองกาญจนบุรี เพื่อนำไปส่งในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีและส่งออกไปยังประเทศเมียนมา ผ่านช่องทางด่านเจดีย์สามองค์ มักประสบปัญหาการขึ้นเนินไม่ไหว ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างรถมาลากจุง ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม บางครั้งเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ขวางถนน เป็นเหตุให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ สร้างความเสียหาย และความเดือดร้อน ต่อประชาชนและผู้ประกอบการ จึงมีการเรียกร้องให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินการแก้ไข ด้วยการขยายช่องทางให้กว้างขึ้น  รวมทั้งปรับให้มีความสูงชันลดลง เพื่อลดอุบัติเหตุ..เสียงผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้า(รถบรรทุก18ล้อ)

ทั้งนี้สังขละบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวและการค้าชายแดน สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและการค้าชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชนและธุรกิจ ในพื้นที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงทางหลวงหมายเลข323 (ช่วงอำเภอทองผาภูมิ-อำเภอสังขละบุรี-ด่านเจดีย์สามองค์) ระยะทางรวม 92 ก.ม. เพื่อรองรับให้เท่าทันการเติบโตของเมืองและเศรษฐกิจ ในอนาคต