องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก(UNESCO) หน่วยงานด้านวัฒนธรรมของสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ยูเนสโกจะเสนอให้มีการเพิ่มเมืองเวนิสของอิตาลีในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย(world heritage in danger)ระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ในกรุงริยาดห์ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 10-25 กันยายนนี้ พร้อมเสนอแนะให้ทางการอิตาลี เพิ่มความพยายามในการอนุรักษ์เมืองเวนิส ซึ่งเป็นแหล่งมรดกสำคัญทางประวัติศาสตร์ และลำคลองต่างๆโดยรอบเมืองให้คงสภาพเดิมมากที่สุด

 

 ยูเนสโก หวังว่า การประกาศให้เมืองเวนิส อยู่ในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่ตกอยู่ในภาวะอันตรายจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานรัฐระดับท้องถิ่น ระดับชาติและองค์กรระหว่างประเทศ ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และระดมทรัพยากรมาร่วมอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกแห่งนี้มากยิ่งขึ้น

 

 

ยูเนสโก ระบุว่า เมืองเวนิส เสี่ยงได้รับความเสียหาย ชำรุดทรุดโทรมอย่างต่อเนื่อง จนไม่สามารถแก้ไขให้มีสภาพดั่งเดิมได้เนื่องจาก ผลกระทบต่างๆเช่น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วมและภัยแล้ง และการที่นักท่องเที่ยวเข้าชมมากเกินไปในแต่ละปี นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงทั้งจากธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ เช่น การพัฒนาเมือง มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเดิมของอาคารบ้านเรือนต่างๆและชุมชนเมือง ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมและความเสียหายของอาคารเก่าแก่ของเมือง

 

 การพัฒนาเมืองของรัฐบาลท้องถิ่นของอิตาลี เช่น อนุญาตให้มีการสร้างอาคารสูงๆจะมีผลกระทบเชิงลบ เช่น บดบังทัศนียภาพของเมืองเวนิส ซึ่งเป็นแหล่งมรดกที่มีคุณค่าเชิงวัฒนธรรมที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งลักษณะการเสื่อมโทรมตามกาลเวลาของตัวอาคารต่างๆและสภาพแวดล้อมในเมืองเวนิสเป็นสาเหตุอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้อยู่ในภาวะอันตรายเช่นเดียวกัน

 

สำหรับเมืองเวนิส ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในปี 2530 ข้อมูลจากการท่องเที่ยวของอิตาลีระบุว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 36 ล้านคนไปเที่ยวเมืองเวนิสเมื่อปี 2560 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อปี 2559 แม้ว่าการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้หลักให้กับเมือง แต่ทำให้เกิดความแออัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป