เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



พบ "2 แม่ลูก" ป่วยเป็นโรคหัวใจตีบตาบอด เอกชนภาครัฐเร่งเข้าไปให้การช่วยเหลือแล้ว


11 ส.ค. 2566, 12:22



พบ "2 แม่ลูก" ป่วยเป็นโรคหัวใจตีบตาบอด เอกชนภาครัฐเร่งเข้าไปให้การช่วยเหลือแล้ว




เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 9 บ้านหนองกก ต.บัวหุ่ง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ และนักสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย คณะทีมงานซึ่ง ดร.นิภา คงเพชร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้มอบหมายให้ น.ส.ปิยะพร โพธิ์ชัย ตำแหน่ง เจ้าพนักงานพัฒนาสังคม น.ส.จิรนันท์ แสงไสว นักสังคมสงเคราะห์ เป็นผู้แทน และ น.ส.ดวงใจ  แหวนหล่อ อายุ 31 ปี แม่ลูก 2 คนที่มีอาชีพขับรถดั้มและรถแบ๊คโฮ เพิ่งถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 รับเงินรางวัล 12 ล้านบาท พร้อมครอบครัว ญาติพี่น้อง เดินทางไปด้วย เพื่อไปให้ความช่วยเหลือครอบครัวของ นางเพชร แก้วคำ อายุ 62  ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจตีบและหัวใจเต้นผิดจังหวะ และ น.ส.รัชนี แก้วคำ อายุ  33 ปี ลูกสาวของนางเพชร เป็นผู้พิการทางการมองเห็นและทางสติปัญญา ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีโรคประจำตัว คือ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท โรคหัวใจอ่อน โรคหอบและโรคเนื้องอกตาข้างซ้ายเป็นตั้งแต่กำเนิด ขณะนี้ตาข้างซ้ายได้บอดสนิทแล้วต้องใส่ดวงตาเทียม ที่ได้ประสานงานทางโทรศัพท์ไปขอให้หาผู้ใจบุญมีเมตตาไปช่วยเหลือ ซึ่ง ดร.กัลยาณี ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค ตัวแทนพมจ.ศรีสะเกษ ได้มอบเงินสดจำนวน 3,000 บาท  น.ส.ดวงใจ  แหวนหล่อ มอบเงินจำนวน 5,050 บาท เป็นการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยมี นายสมศักดิ์  ลาลุน นายก เทศมนตรีตำบลบัวหุ่ง และ นายไพบูลย์   ก้อนฝ้าย  ผญบ.หมู่ 9 นำคณะเจ้าหน้าที่เทศบาลและผู้นำหมู่บ้านหนองกก ร่วมให้การต้อนรับในครั้งนี้

นางเพชร แก้วคำ อายุ 62  ปี เล่าว่า ตนป่วยเป็นโรคหัวใจตีบและหัวใจเต้นผิดจังหวะ ส่วน น.ส.รัชนี ลูกสาวของตนเป็นผู้พิการทางการมองเห็นและทางสติปัญญา มีโรคประจำตัว คือ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท โรคหัวใจอ่อน โรคหอบและโรคเนื้องอกตาข้างซ้ายเป็นตั้งแต่กำเนิด ขณะนี้ตาข้างซ้ายได้บอดสนิทแล้วต้องใส่ดวงตาเทียม ต้องไปพบแพทย์รับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษเป็นประจำ เนื่องจากครอบครัวประสบปัญหาความเดือดร้น ครอบครัวฐานะยากจน ไม่ได้ประกอบอาชีพ ทั้งรับภาระในการดูแลบุตรสาวที่พิการทางการมองเห็นและทางสติปัญญา มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เนื่องจากต้องเดินทางไปพบแพทย์เป็นประจำ  โดยครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป มีภาระหนี้สินมากที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากนำที่นาไปจำนอง เพื่อนำเงินมาเป็นค่ารักษาตัวบุตรสาวและค่าเดินทางไปพบแพทย์ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ

นายสมศักดิ์   ลาลุน  นายกเทศมนตรีตำบลบัวหุ่ง กล่าวว่า ครอบครัวนี้อาศัยรายได้จากแหล่งต่างๆ ในการเลี้ยงชีพ  คือ  น.ส.รัชนี ได้รับเบี้ยผู้พิการ เดือนละ 800 บาท   นายนิวัฒน์  สามีนางเพชร  ได้เบี้ยผู้สูงอายุ เดือนละ600 บาท  นางเพชร ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ  600 บาท  มีที่นาทำกิน 10 ไร่ แบ่งที่นาจำนองกับนายทุน 3 ไร่ จำนวน 80,000 บาท มีหนี้สินจากกองทุนเงินล้านหมู่บ้าน จำนวน 80,000 บาท กองทุนร้านค้า จำนวน 8,000 บาท กองทุนกลุ่มแม่บ้าน จำนวน 15,000 บาท และหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส) จำนวน 270,000  บาท เนื่องจากนำเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล น.ส.รัชนี  เป็นคน ซึ่งทางเทศบาลตำบลบัวหุ่ง ได้เข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและเมื่อเวลาจะไปพบแพทย์ ได้จัดรถของทางราชการนำไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

น.ส.ดวงใจ   แหวนหล่อ  อายุ 31 ปี แม่ลูก 2 คนที่มีอาชีพขับรถดั้มและรถแบ๊คโฮเพิ่งถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 รับเงินรางวัล 12 ล้านบาท กล่าวกับ นางเพชรว่า หลายคนไม่มีสิ่งที่ดีๆเหมือนป้าไม่ว่าน้องผู้หญิงจะไม่มีตาข้างหนึ่ง แต่ก็ยังเหลือตาอีกข้างหนึ่งบางคนไม่มีตาทั้งสองข้างเวลาเดินทางไปไหนเค้าต้องเดินงมทางไป และใช้อักษรเบลล์ ก็ยังอยู่ได้  ตนขอให้เอาเงินที่ได้รับมอบครั้งนี้ไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ขอให้ป้าสุขภาพ แข็งแรงหายป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บโดยเร็ว ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐมาก ตนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ก็ดีอยู่ แต่ถ้าไม่มีโรคก็จะดีกว่าการถูกรางวัลที่ 1 



ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษและนักสังคมสงเคราะห์ กล่าวว่า พอได้รับทราบข่าวนี้ตอนแรกก็ตกใจมาก แต่เมื่อมาดูสภาพจริงของ 2 แม่ลูกแล้วอาการก็อยู่ในสภาพมีคนดูแลมีคนคอยรักษารวมทั้งชุมชนเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นนายกเทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน เวลาจะไปหาหมอก็ช่วยจัดรถไปส่งให้ แต่ตอนนี้ก็อยากให้คุณยายเข้าใจว่าทุกคนก็เป็นโรคถ้าบอกว่าตัวเองเหนื่อยเป็นโรคและคิดว่าบ้านตนเองมีคนหลายคนที่ป่วยอยู่ก็จะทำให้ไม่มีกำลังใจ เราก็ต้องบอกว่าเรื่องป่วยนี้ทุกบ้านก็มีผู้ป่วยหมดก็ให้เข้าใจกับโรค ตอนนี้ถ้าหมอบอกว่านัดเดือนมกราคม 2567 ก็ถือว่าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง การนัดนานหลายเดือนก็ถือว่าหมอเห็นว่าไม่ได้เป็นอันตรายเหมือนกับที่แพทย์ต้องนัดทุกเดือน ซึ่งอาการป่วยจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ก็ขอให้คุณยายเข้าใจอาการป่วย ก็ถือว่าขณะนี้อาการยังดีอยู่ เราต้องเข้มแข็งก็อยู่กันไปดูแลกันไป ตอนนี้ พมจ.ศก.ก็มาช่วยมีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินผู้พิการ ซึ่งขณะนี้น้องผู้หญิงก็รอเงินเพื่อจะได้ไปเปลี่ยนดวงตา ต่อไปถ้ามีอะไรพอช่วยได้ก็จะได้เข้ามาช่วยกันดูแล  ก็ขอให้เข้มแข็ง อีกหน่อยอาการป่วยก็คงจะดีขึ้นตามลำดับ

 



คำที่เกี่ยวข้อง : #แม่ลูก   #โรคหัวใจตีบตาบอด  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.