วางแผนลงทุน SSF และ RMF ลดหย่อนภาษีอย่างไรให้ตอบโจทย์?
16 ส.ค. 2566, 11:57
ไม่เพียงแต่จะต้องบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่การนำเงินเก็บบางส่วนมาต่อยอดในการลงทุนก็เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเกษียณอายุได้ในช่วงเวลาที่ต้องการ นอกจากจะเลือกลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ตลอดจนสินทรัพย์การลงทุนที่สนใจแล้ว นักลงทุนยังสามารถลงทุนในกองทุน SSF และ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีและสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน
แต่จะวางแผนลงทุนกองทุน SSF และ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีอย่างไรให้ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงิน ลงตัวกับความเสี่ยงที่รับไหว ตลอดจนช่วยสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพได้ มาหาคำตอบได้ในบทความนี้กัน
ศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อน
- การลงทุน SSF สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่จะลดหย่อนได้ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นการลงทุนเพื่อเป้าหมายการออมตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- การลงทุน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่จะลดหย่อนได้สูงสุดแค่ 500,000 บาทเท่านั้น โดยนักลงทุนจะสามารถนำผลตอบแทนของกองทุน RMF มาใช้ได้ก็ต่อเมื่อลงทุนมาครบ 5 ปีและต้องถือจนอายุครบ 55 ปี
อย่างไรก็ดี วงเงินสำหรับการลดหย่อนภาษีของทั้ง SSF และ RMF เมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อการเกษียณอื่น ๆ แล้วจะต้องไม่เกิน 500,000 บาท ดังนั้น เมื่อทำความเข้าใจเงื่อนไขทางภาษีแล้วก็สามารถลงทุน SSF และ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีได้อย่างเหมาะสมแล้ว
ประเมินระดับความเสี่ยงที่รับไหว
เมื่อเข้าใจเงื่อนไขทางภาษีที่จะได้รับจากการลงทุนกองทุน SSF และ RMF แล้ว สำหรับนักลงทุนคนไหนที่สนใจต่อยอดเงินเก็บในกองทุน SSF และ RMF พร้อมลดหย่อนภาษีไปพร้อมกัน สามารถเริ่มต้นเลือกกองทุนได้ง่าย ๆ ด้วยการพิจารณาความเสี่ยงที่รับไหว
กองทุน SSF และ RMF เป็นสินทรัพย์การลงทุนที่มีความเสี่ยงให้เลือกหลายระดับ ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการและเป้าหมายการลงทุนได้ทุกประเภท หากยังไม่มั่นใจว่าควรจะเลือกลงทุนกับกองทุนตัวไหน ขอแนะนำให้พิจารณาถึงความเสี่ยงที่รับไหวทั้งในด้านการเงิน อายุ เป้าหมายทางการเงิน ภาระรอบด้าน ตลอดจนลักษณะนิสัยของตนเอง
อย่าลืมวางแผนการเงินคู่กับแผนการลงทุน
สำหรับใครที่เลือกกองทุน SSF และ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีได้ตรงกับความต้องการแล้ว อย่าลืมวางแผนการลงทุนให้รอบคอบด้วยการกำหนดระยะเวลาในการปรับพอร์ตเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา ตลอดจนพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
นอกจากแผนการลงทุนแล้ว นักลงทุนยังควรวางแผนการเงินควบคู่กันไปด้วย โดยการสร้างแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจะช่วยบริหารความเสี่ยงจากการลงทุน เนื่องจากเป็นการแยกเงินเป็นสัดส่วน ทำให้ผลขาดทุนจากการลงทุนไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินและรายจ่ายในด้านอื่น ๆ นั่นเอง
เพียงเท่านี้ ทุกคนก็สามารถวางแผนลงทุน SSF และ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีและสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้แล้ว อย่าลืมนำทั้ง 3 เคล็ดลับนี้ไปพิจารณาและปรับใช้ให้เหมาะกับการลงทุนและเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการด้วย