ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณ ถนนสายมาบไผ่ - เกาะไม้แหลม (แยกยี่กงษี) ใกล้เคียงร้านสะดวกซื้อ ในซอยยี่กงษี ตำบลมาบไผ่ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังแล้วประกบเหยื่อก่อนเอื้อมมือกระชากสร้อยคอทองคำหลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับเพื่อหลบหนีพลเมืองดีที่พยายามสกัดจับแต่คว้าตัวไม่ทันขี่ออกสู่ถนนสายหลัก หลังเกิดเหตุพ.ต.อ.สมชายทิวงษาผู้กำกับการ สภ.บ้านบึง ได้เร่งรัดติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท มูลค่า 3,1500 บาท 1 เส้น จี้ทองคำรูปใบไม้มูลค่า 5,000 บาท 1 ชิ้น รวมทรัพย์สิน เป็นมูลค่า  36,500 บาท ซึ่งรูปพรรณคนร้าย จากปากคำผู้เสียหาย จดจำได้ว่า เป็นชาย 1 ราย ไว้ผมยาวประบ่า สามกางเกงสีเข้มขายาว เสื้อแขนยาวสีเข้ม ขี่รถจักรยานยนต์สีฟ้า  จากการไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทาง พบลักษณะชายคนหนึ่งตรงกับคำให้การของผู้เสียหาย  หลบหนี มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสายหลัก 344 ผ่านเทศบาลเมืองบ้านบึง จึงวิทยุสกัด เพื่อตรวจสอบ รถและชายที่สงสัยขี่เข้าออกตรอกซอย กระทั่งขี่เข้าสู่ถนนสาย บ้านบึง - พานทอง (ขาเข้าพานทอง)  ชุดสายตรวจตามมาถึงจึงเรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบชายคนดังกล่าวมีอาการตกใจ และจากการตรวจค้น พบสร้อยคอทองคำ ที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้าย จึงนำตัวมาสอบสวนที่สภ.บ้านบึง และให้ผู้เสียหายเดินทางมาดูตัว ยืนยันว่าใช้คนที่ก่อเหตุ และสร้อยคอทองคำที่พบก็เป็นของผู้เสียหายเอง

สอบถามนาง Yin nyeinayeอายุ31ปีชาวพม่าผู้เสียหายเล่าว่าตนเองนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับน้องชาย มากดเงินสดที่ร้านสะดวกซื้อ หลังกดเงินเสร็จ จึงขี่รถ กลับที่พัก ขับออกไปตามถนนสายยี่กงษี - เกาะไม้แหลมได้ประมาณ200เมตรก็มีคนร้ายขี่รถประกบด้านหลังกระชากสร้อยคอทองคำ1บาท1เส้นที่มีจี้ทองคำรูปใบไม้ติดมือไปหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำนายราเชนทร์ เการัมย์ อายุ 24 ปี  ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ต้องหา ไปทำแผนรับสารภาพในจุดที่เกิดเหตุ ที่ทางผู้ต้องหาอ้างถึงสาเหตุของการก่อเหตุว่าที่ลงมือกระชากสร้อยเพราะตกงานมานาน 4 เดือนแล้ว ไม่มีเงินใช้จ่าย กะว่าได้ทรัพย์สิน แล้วจะเอาไปขาย นำเงินมาใช้จ่าย ไม่ได้เจาะจงเหยื่อ พอเห็นและมีโอกาสก็ลงมือทันทีด้านทาง ร.ต.ต.ประวัฒน์ สิงห์ดุงศักดิ์ หัวหน้าสายตรวจ ที่ที่เข้าจับกุมคนร้ายกล่าวว่า  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุกันอยู่เป็นประจำ การได้รายละเอียดของคนร้ายมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นการดี  รวมถึงเส้นทางการหลบหนี ยานพาหนะของคนร้าย ก็มีส่วนอย่างมาก ข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นเบาะแสกระจายไปสู่ตำรวจที่อยู่ตามพื้นที่ต่างช่วยกันสกัดจับ โดยเหตุการณ์นี้ใช้เวลาตามจับคนร้ายได้ภายใน 30 นาที เท่านั้น