เปิดใจเด็กหญิง ไม่อายพ่อแม่ไปรับที่โรงเรียน ขี่ซาเล้งเก็บขยะขาย เพื่อนล้อตัวเหม็น ฝันสอบเป็นตำรวจ
17 ส.ค. 2566, 16:40
จากกรณีหลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้พบเห็นพ่อแม่ครอบครัวหนึ่งขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างซาเล้ง โดยภายในรถมีถุงสำหรับ บรรจุเก็บของเก่ามารับลูกสาวที่โรงเรียนเทศบาลวัดธรรมิการาม(ปิยะแหวนรังสรรค์) เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อรับลูกสาวเสร็จแล้วก็พาลูกช่วยกันคุ้ยเขี่ยบริเวณภายในถังขยะ เพื่อหาขวดแก้ว และขวดพลาสติกรวมไปถึงโลหะสิ่งของต่างๆที่สามารถนำไปขายแลกเงินได้ โดยที่ไม่สนใจและอายสายตาใคร ที่บริเวณหน้าโรงเรียน และตระเวนไปตามถนนเส้นทางผ่านกลับบ้านพัก
ล่าสุดวันที่ 17 สิงหาคม 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่บ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านเช่าอยู่ในซอยร้านเกาะหลักทำฟัน ใกล้กับถนนเกาะหลัก เขตเทศบาลเมืองประจวบฯ เพื่อพบกับครอบครัวดังกล่าวเพื่อสอบถามรายละเอียด โดยได้พบกับนางนภาลัย ศรีสุดดี อายุ 49 ปี หรือแม่แหม่ม พร้อมสามี และน้องมาย ลูกสาว วัย 12 ปี กำลังช่วยกันคัดแยกของเก่าที่หามาได้สะสมไว้เพื่อรอรวมไปขายที่ร้านรับซื้อ และเตรียมที่จะพาครอบครัวออกไปหาเก็บของเก่าตามถังขยะในเขตเทศบาลเมืองประจวบเพิ่มเติม**
**โดยนางนภาลัย หรือแม่แหม่ม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของตนเคยไปรับจ้างเฝ้าสวน และต่อมานายจ้างได้เลิกจ้างเนื่องจากประสบภาวะขาดทุน ตนเองกับครอบครัวจึงไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไร จึงได้มายึดอาชีพหาเก็บของเก่าขาย ซึ่งมีรายได้ต่อวันประมาณ 300 บาท และนอกจากนี้วันศุกร์กับวันเสาร์ก็จะไปรับจ้างขายไก่ปิ้งหมูย่างที่ตลาดถนนคนเดินชายทะเลอ่าวประจวบคีรีขันธ์ จึงพอที่จะทำให้ครอบครัวพออยู่รอดได้ โดยทุกๆวัน ตนจะออกไปกับสามี เพื่อเก็บของเก่า และหลังจากนั้นเมื่อลูกสาวเลิกเรียนก็จะขับรถไปรับ พร้อมกับพาไปหาเก็บของเก่าก่อนกลับเข้าบ้าน เพื่อนำมาคัดแยก ก่อนที่จะนำไปขายในช่วงบ่ายของวันถัดไป เมื่อถามว่าทำไมถึงยึดอาชีพนี้ และอายหรือไม่ แม่แหม่มตอบว่า จะอายทำไมเป็นอาชีพที่สุจริต และเมื่อถามว่าคิดจะเปลี่ยนอาชีพหางานอื่นทำบ้างหรือไม่ แม่แหม่มตอบว่า ไม่คิดเพราะยึดอาชีพเก็บของเก่านี้ขายแล้ว และมีชาวบ้านบางคน เมื่อเก็บของเก่าไว้ให้ก็จะโทรมาตามให้ไปเก็บเอามาขาย แล้วเมื่อถามว่าทำไมแม่ถึงสู้ชีวิตขนาดนี้ แม่แหม่มตอบว่าก็เพื่ออยากให้ครอบครัวกินดีอยู่ดีมีความสุข อยากให้ลูกสาวทั้งสองคนเรียนจบสูงๆ ซึ่งตนมีลูกสาว 2 คน โดยคนโตกำลังเรียน กศน. ส่วนคนเล็กกำลังเรียนอยู่ชั้น ป. 6 โรงเรียนเทศบาลวัดธรรมิการาม(ปิยะแหวนรังสรรค์) โดยตนเช่าห้องพักอยู่อาศัยเดือนละ 1,500 บาท ส่วนเงินที่เหลือจากการหาของเก่ามาขาย และจ่ายค่าเช่าบ้านแล้ว ก็ยังพอเหลือเงินค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียน บางเดือนเงินไม่พอก็ต้องประหยัดให้พอและอยู่ให้ได้**
**เด็กหญิง นภวรรณ ศรีสุดดี หรือน้องมายด์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หนูไม่อายใครที่หนูมีครอบครัวมีพ่อแม่ยึดอาชีพเก็บ ขยะขาย เพราะเป็นอาชีพที่สุจริต ไม่ได้เป็นโจร ไม่ได้ลักขโมยใคร ไม่ได้ไปฆ่าใคร ถึงแม้ว่าเวลาไปโรงเรียนจะถูกเพื่อนล้อเลียนว่า มายตัวเหม็นก็ตาม หนูก็เฉยไม่ตอบโต้ และปล่อยผ่านไป ไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ถึงหนูจะเรียนไม่เก่งมากแต่หนูก็มีความฝันอยากจะเรียนให้จบปริญญาตรีเอามาฝากให้พ่อแม่ และอยากสอบเป็นตำรวจ โดยหนูจะมาช่วยพ่อแม่หาเก็บของเก่าและคัดแยกขายช่วงหลังเลิกเรียน และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เพราะจะมีขวดเยอะ หนูพอใจในอาชีพที่ครอบครัวทำอยู่นี้ และไม่สนไม่อายใคร และไม่ได้ขอใครกิน ถึงหนูจะจนก็ไม่เป็นไร เพราะเลือกเกิดไม่ได้ ระดับชั้นของคนไม่เท่ากัน จนรวยก็ไม่เท่ากัน