"ราเมศ" ย้ำ ปชป.ไม่เคยมีมติ ให้ใครเจรจาร่วมรัฐบาล เผย "ชวน-บัญญัติ" ไม่ได้ขัดมติพรรค
23 ส.ค. 2566, 14:06
วันนี้ ( 23 ส.ค.66 ) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จำนวน 16 คน ที่เห็นชอบในการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ว่าเรื่องร่วมรัฐบาลที่ได้นำมาผูกโยงกับการลงมติของ 16 สส. นั้นหลักการในเรื่องนี้ ในส่วนของพรรคต้องขอย้ำว่าไม่เคยมีมติให้ใครไปร่วมเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาล เหตุเพราะพรรคมีข้อบังคับพรรคชัดเจนว่าการร่วมรัฐบาลจะต้องดำเนินการผ่านคณะกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุมร่วมกันระหว่าง กก.บห. และ สส. ถึงจะไปดำเนินการได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังไม่มีการประชุมใดๆ เลยในเรื่องการร่วมรัฐบาลหรือไม่ หากมีใครไปเจรจาพูดคุยเพื่อร่วมรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่ท่าทีของพรรคในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าว
ในส่วนของการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ประชุม สส. ของพรรคได้มีมติชัดเจนว่าให้มีการงดออกเสียง และไม่มีผู้ใดขัดข้อง ในส่วนของนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ได้แจ้งต่อที่ประชุมและได้บอกเหตุผลว่าเหตุอันใดที่มีความจำเป็นต้องโหวตไม่เห็นชอบ กรณีของนายชวน หลีกภัย ท่านย้ำจุดยืนที่สำคัญคือจะ “ไม่ทรยศคนใต้” เพราะอดีตที่พี่น้องชาวปักษ์ใต้จดจำไม่เคยลืม ยุครัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มีการเลือกปฏิบัติต่อพี่น้องชาวภาคใต้ ละเมิดหลักนิติธรรม ซึ่งนายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ได้ต่อสู้ในเรื่องนี้ตลอดมาและการรณรงค์หาเสียงของโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ก็หยิบยกประเด็นนี้มารณรงค์หาเสียงจนคนใต้ไม่เลือกพรรคการเมืองที่กระทำต่อพี่น้องชาวภาคใต้ การลงมติของนายชวน จึงมิใช่การลงมติที่ขัดต่อมติพรรคประชาธิปัตย์เเต่อย่างใด
นายราเมศกล่าวต่อว่า ในส่วนของการลงมติเห็นชอบในการเลือกนายกรัฐมนตรีของ สส.16 คน ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคได้บอกว่า สั่งให้ สส.16 คน ชี้แจงในที่ประชุม สส. ในการประชุมครั้งหน้า และหากมีสมาชิกเข้าชื่อกันร้องให้มีการตรวจสอบ หรือสอบสวนตามข้อบังคับพรรค ในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคก็ว่ากันไปตามข้อบังคับพรรคที่ได้กำหนดไว้ ตามข้อบังคับพรรค หมวดที่ 19 แต่กรรมการบริหารพรรคจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งคนใดหรือสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่ายี่สิบคนลงลายมือชื่อทำเป็นหนังสือถึงหัวหน้าพรรค เพื่อให้ดำเนินการตามข้อบังคับพรรค ในข้อบังคับพรรคหัวหน้าพรรคจะสอบสวนเองหรือแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสามคนดำเนินการสอบสวนก็ได้
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า การดำรงคงอยู่ของพรรคการยึดหลักและอุดมการณ์คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้พรรคผ่านพ้นไปได้ในทุกสถานการณ์ พรรคทำหน้าที่ได้หมดที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราเป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลและก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนตลอดมา วินาทีนี้ในเรื่องการจะไปร่วมรัฐบาลพรรคยังไม่มีการพูดคุย ไม่มีท่าทีใดๆทั้งสิ้น ที่มีรายงานข่าวว่ามี สส.ของพรรคไปพูดคุยเจรจา ไม่อาจทราบได้ว่าใครทำอะไรที่ไหน แต่ถ้าหากมีการไปพบพูดคุยเจรจาก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่ท่าทีของพรรค เพราะยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้แต่อย่างใด