วันนี้ ( 30 ส.ค.66 ) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวกรณีการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค สืบเนื่องจากกรณีในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ได้มีการประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหากมีการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ในเวทีดีเบตหาเสียง

โดย นพ.ชลน่าน ระบุว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องกราบเรียน จากการประชุมการบริหารพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ก็เป็นจุดสุดท้ายที่เคยได้กราบเรียนไว้ว่า ถ้าตนทำหน้าที่หัวหน้าพรรคในฐานะประธานกรรมการบริหารพรรค พิจารณารับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเสร็จเรียบร้อย ตนก็จะประกาศเรื่องที่เคยประกาศไว้ว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตามที่เคยได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2566 ในเวทีดีเบตหาเสียงในการเลือกตั้ง สส. ซึ่งวันนี้การจัดตั้ง ครม.เสร็จสิ้น ตนขออนุญาตขอทำตามที่เคยประกาศไว้ เป็นสัจจะที่ได้ลั่นวาจาไว้ว่า ถ้ากรรมการบริหารพรรคมีมติในการที่จะตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ มีมติไปจับมือกับลุงป้อม ดีลกับลุงป้อม ตนในฐานะหัวหน้าพรรคตนพร้อมลาออก และขออนุญาตประกาศ ณ ตรงนี้ว่า ตนขอลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ณ บัดนี้ เหตุผลความจำเป็นที่ต้องมาประกาศในวันนี้ เป็นเหตุผลความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการจัดตั้งในสถานการพิเศษที่พรรคเพื่อไทยเองมีความจำเป็น จากกรรมการบริหารพรรค จากสมาชิกพรรค ส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ณ ตอนนี้ตนถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ก็ขอประกาศลาออก ณ บัดนี้

ขณะที่ นายประเสริฐ ระบุว่า เรียนชี้แจงว่าตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย หากหัวหน้าพรรคแสดงเจตนาลาออก คณะกรรมการบริหารพรรคที่เหลือทั้งหมดต้องหมดสภาพการเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคน แต่กรรมการท่านอื่นนอกจากหัวหน้าพรรคยังรักษาการตำแหน่งเดิมอยู่ เว้นแต่หัวหน้าพรรคไม่ได้รักษาการ เป็นการออกจากหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับ ไม่เหมือนกับคณะกรรมการบริหารท่านอื่นที่ยังรักษาการในตำแหน่งต่างๆอยู่ และที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ได้มีมติเลือก รองศาสตราจารย์ ชูศักดิ์ ศิรินิล ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ขึ้นมารักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีมติเห็นชอบแล้ว โดยภายใน 60 วันนี้จะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อีกครั้ง