วันนี้ ( 1 ก.ย.66 ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการพักหนี้เกษตรกรว่าอยู่ในระหว่างหารือเกี่ยวกับจำนวนหนี้และระยะเวลาพักหนี้ โดยจะพักทั้งต้นทั้งดอก พร้อมเร่งเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร อีกทั้งกำลังพิจารณาการดูแลหนี้สินของครู ตำรวจและกลุ่มที่ประสบภัยพิบัติในช่วงโควิด (หมวด 21) ส่วนด้านการท่องเที่ยว เดินหน้าเร่งยกเว้นการขอวีซ่า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นได้ในช่วงต้นไตรมาส 4 พร้อมกับการพัฒนาการอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อเร่งหารายได้เข้าประเทศ

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การพักหนี้เกษตรเป็นว่าเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย โดยกำลังพิจารณาว่าจะพักหนี้จำนวนเท่าใด นานเท่าใดและอย่างไร ยืนยันว่าจะพักทั้งต้นทั้งดอก เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีเวลาทำมาหากินฟื้นฟูตนเอง มีขวัญและกำลังใจ ไม่ต้องพะวงกับหนี้สิน คาดจะทำได้ในช่วงเดือนตุลาคม โดยได้กำชับ ธ.ก.ส. ดูขั้นตอนและประสานงานกระทรวงการคลัง นอกจากเกษตรกรแล้วเรากำลังจะพิจารณาดูแลครู ตำรวจ และกลุ่มอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (หมวด 21) ด้วย
 
“การลดหนี้ชั่วคราวเป็นการบรรเทาความทุกข์ เป็นการฟื้นฟูจิตใจให้มีขวัญและกำลังใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดการเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยคือจะพยายามเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งก็ต้องเร่งทำ” นายกรัฐมนตรีกล่าว 

ในส่วนนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีอธิบายว่า จะดำเนินการยกเว้นการขอวีซ่าก่อนชั่วคราวในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าด้วย คาดว่าจะเริ่มต้นภายใน 1 ตุลาคม และมั่นใจว่าทุกภาคส่วนเข้าใจ เพราะได้พูดคุยกับทั้งกระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคงและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไปจนถึงการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังจะปรับปรุงกระบวนการเดินทางเข้าประเทศ การอำนวยความสะดวก รวมไปถึงขนส่งสาธารณะที่จะเข้าสู่สนามบินอีกด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬามาหารือกัน ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยยังมีเรื่องกองทุนพัฒนากีฬา เข้าใจว่าอีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงกีฬาเอเชียนเกมส์แล้ว แต่หลายสมาคมยังไม่ได้รับเงินอุดหนุน และค้างกันมาหลายล้านบาท ก็ฝากผู้ดูแลทางด้านกองทุนพัฒนากีฬาด้วยว่าหากจ่ายเงินได้ก็จะเป็นกำลังใจแก่นักกีฬาไทยที่จะไปช่วงชิงเหรียญทองมาเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศชาติ เพราะเท่าที่ฟังมาหลายสมาคมเดือดร้อนและค่อนข้างน่าเป็นห่วง  

สำหรับความคืบหน้าเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ไม่อยากให้เน้นไปที่ นายพิชิต ชื่นบาน เพียงคนเดียว เพราะมีการพิจารณาคนอื่นๆ ด้วยเช่นกันเพื่อให้ถูกต้องที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุสภาล่มเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วยว่า ความรับผิดชอบต่อสภาเป็นเรื่องสำคัญ ในการประชุม สส. อีกครั้งในวันสัปดาห์หน้าก็คงมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ เพราะไม่ควรเกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าตนให้ความเคารพต่อสภา เพราะเป็นฝ่ายบริหารต้องมีความรับผิดชอบต่อฝ่ายนิติบัญญัติ หากฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อกังวล มีความเป็นห่วงก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องเข้าไปตอบหรืออาจจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตอบ