กรณีพบศพนายเอกพจน์หรือเท่ง   แก้วสิงขรณ์ อายุ 34ปี ผูกคอตายในป่าพรุ หมู่ 7 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช กลายเป็นศพเน่าเปื่อยยุ่ยหัวหลุดขาดจากคอ โดยใช้เสื้อยืดของตัวเองผูกคอตายกับกิ่งต้นไม้ในป่าพรุดังกล่าวเมื่อ25กค.2566ที่ผ่านมา ซึ่งญาติ ๆ ยังติดใจสาเหตุการตายของนายเอกพจน์หรือเท่ง เชื่อว่าไม่ใช่การผูกคอตายเองแต่อาจจะเป็นการฆาตกรรม จึงไม่ยอมเผาศพ ก่อนเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประกาศว่าจะนำศพออกมาแห่หน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่สรุปว่าเป็นการผูกคอตายเองนั้น

วันที่ 6 ก.ย.66 ความคืบหน้าล่าสุดนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ประสานงานกับกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และ สภ.พระพรหม โดย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทัศน์ สงสยม รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อม พ.ต.อ.สงบ จันทร์สิงห์ ผกก.สภ.พระพรหม พร้อมรอง ผกก.(สอบสวน) รอง ผกก.สืบสวน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมชี้แจงกับนายวัชรินทร์ แก้วสิงขรณ์ อายุ 60ปี และนางวันเพ็ญ   ทองวิจิตร อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของนายเอกพจน์ ผู้ตาย  พร้อมญาติ ณ.ห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรม จ.นครศรีธรรมราช  โดยมีนางพัชรนันท์ ศรีเมือง ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ร่วมรับฟังการชี้แจงอย่างละเอียดในทุกประเด็นด้วย 

  พ.ต.อ.สุทัศน์ สงสยม รอง ผบก.พ.ต.อ.สงบ จันทร์สิงห์ ผกก.สภ.พระพรหม และพนักงานสอบสวนได้ร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจในทุกประเด็นอย่างละเอียด โดยใช้หลักทางวิชาการ ทางการแพทย์ และนิติวิทยา ไม่ได้ใช้แต่ความรู้สึกของพ่อแม่ และญาติ ๆ อย่างเดียว ตำรวจเข้าใจในความรู้สึกของผู้สูญเสีย และทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีมูลเหตุใด ๆ ที่นำมาสู่การฆาตกรรมได้เลย  หากมีหรือพบมูลเหตุสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางตำรวจก็จะเดินต่อทันที และขอให้มั่นใจได้ว่าหากไม่ใช่ผูกคอตาย แต่เป็นการฆาตกรรมอำพรางจริง คนร้ายหนีไม่รอดแน่ ทุกคดีไม่ว่าจะสลับซับซ้อนขนาดไหนอย่างไร คนร้ายหนีไม่พ้นมือตำรวจตำรวจนครศรีธรรมราช แน่นอน

“ยอมรับในบางครั้งที่พ่อแม่และญาติ ๆ สอบถามตำรวจ สภ.พระพรหม อาจจะมีตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องพูดจาไม่ดี ไม่ประทับใจ ซึ่งไม่ได้เปนตำรวจที่เป็นผู้เกี่ยวข้องนับผิดชอบใด ๆ ทำให้พ่อแม่ และญาติ  ๆ เคลือบแคลงใจ สงสัย  ต่อไปขอให้พ่อแม่สอบพกถามที่พนักงานสอบสวน ผกก. หรือหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยตรง และหากมีในส่วนใดคืบหน้าตำรวจจะประสานงานบอกกล่าวชี้แจงกับพ่อแม่ และญาติ ๆ ทันที จนทำให้พ่อแม่ และญาติ ๆ เข้าใจและมีท่าทียอมรับ อย่างไรก็ตามในเรื่องศพคอขาด และสงสัยว่าจะถูกตัดคอและเผา  โดยอาจจะมีการราดสารพิษบางอย่าง ก่อนอำพรางว่าเป็นการผูกคอตาย  รวมทั้งกรณีเสื้อของผู้ตายที่ใช้ผูกคอที่พ่อแม่ และญาติ ๆ อ้างว่าไม่มีนำเหลืองอยู่เลย  ทางตำรวจจะขอนำส่งศพขอให้ทางสถาบันนิติเวชตำรวจ ทำการตรวจให้ชัดเจนทั้งเรื่องสารพิษ ร่องรอยถูกตัด และอื่น ๆที่ศพและที่เสื้อ เมื่อผลการตรวจออกมาอย่างไรจะแจ้งให้พ่อแม่ และญาติ ๆ ทราบอย่างเป็นทางการทันที”

นายวัชรินทร์ แก้วสิงขรณ์ และนางวันเพ็ญ   ทองวิจิตร  พ่อแม่ของนายเอกพจน์ กล่าวว่าที่ผ่านมาตำรวจไม่เคยชี้แจงรายละเอียดข้อสงสัยแบบนี้เลย หากมีการส่งศพและเสื้อไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลออกมาอย่างไรตนและญาติ ๆ จะยออมรับตามนั้น  หากพบสารเคมี หรืออื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางขอให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป และจะไม่มีการนำศพมาแห่เรียกร้องขอความเป็นตามที่ประกาศก่อนหน้านี้แต่อย่างใด ขอบคุณตำรวจที่เข้ามาชี้แจงจนญาติเข้าใจมากขึ้น.