ตำรวจหิ้วมือยิงเทรลเลอร์ สาวใหญ่โชว์เฟอร์ดับคารถ ทำแผนรับสารภาพ
8 ก.ย. 2566, 12:41
จากกรณีเหตุการณ์คดีกลุ่มคนร้ายขับรถยนต์กระบะไล่ยิงเทรลเลอร์รถบรรทุก ทะเบียน 71-3232พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นรถเทรลเลอร์บรรทุกนมสดของบริษัทซีพีเมจิจำกัดจาก จ.สระบุรีเพื่อไปส่งนมสดในประเทศมาเลเซีย เหตุเกิดบนถนนสายเอเซีย41 ขาล่องใต้ ท้องที่ หมู่ 7 ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 03.20น.วันที่ 4กค.2566 ทำใหhนางลลิญญา โกสัย อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นโชเฟอร์กำลังขับรถเทรลเลอร์คันดังกล่าวขับแทนนายสุสวัสดิ์ พหลยุทธ์ อายุ 41 ปี สามีที่สลับเปลี่ยนนอนพักผ่อนในรถเทรลเลอร์คันเดียวกัน โดยกระสุนปืนของกลุ่มคนร้ายได้เจาะกระจกและประตูด้านข้างคนขับด้านขวาเจาะร่างนางลลิญญา ฯ พรุนเสียชีวิต ส่วนนายสุสวัสดิ์ สามี ปลอดภัย โดยสาเหตุมาจากความขัดแย้งในธุรกิจส่งนมสดไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางหลังจากเกิดเหตุทางตำรวจสืบสวนภาค8,ตำรวจสืบสวนนครศรีธรรมราชและตำรวจ สภ.นาบอน ได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายมาได้ 2 คน คือนายยุทธศักดิ์ เกิดศรี อายุ 37 ปี ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะคันก่อเหตุให้กับมือปืนในคืนวันเกิดเหตุ และนายอวยชัย แสงจันทร์แก้ว อายุ 40 ปี คนขับรถเทรลเลอร์บรรทุกนมส่งมาเลย์บริษัทเดียวกัน ทำหน้าที่คนชี้เป้าให้กลุ่มมือปืน ส่วนมือปืนอีกคนที่ลงมือก่อเหตุได้หลบหนีไปได้นั้น
ล่าสุดเช้ามืดวันนี้ (04.00 น.)วันที่ 8 ก.ย.66 พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช สืบทราบว่านายธนาวุฒิ หรือ ป้อม เจริญรูป อายุ 33 ปี มือปืนที่ลงมือลั่นไกยิงรถเทรลเลอร์ หลบซ่อนตัวที่บ้านเลขที่ 140/4 หมู่ 4 ต.บางรูป อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช , พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช,พ.ต.อ.ชัยภัทร ศรีเรือง ผกก.สภ.นาบอน นำกำลังตำรวจพร้อมหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง เลขที่ 247/2566 ลงวันที่ 13 ก.ค.2566 เดินทางไปล้อมจับกุมนายธนาวุฒิ หรือ ป้อม ได้อย่างละม่อม แล้วคุมตัวนายธนาวุฒิ หรือ จ้ง ทำการสอบสวนปากคำที่ สภ.นาบอน ซึ่งนายธนาวุฒิ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนตำรวจคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณโดยไม่มีเหตุอันควรตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.ต.สมชาย เผยว่า สำหรับคดีนี้ถือว่าเป็นการปิดคดีทางตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุและร่วมขบวนการทั้งหมด14คนจนครบหมดทุกคน ซึ่งตำรวจมั่นใจในพยานและหลักฐานสามารถมัดตัวดำเนินคดีผู้ต้องหาทุกคนได้หมดทุกคนแน่นอน.