เมื่อเวลา10.00น.วันที่ 11กย.2566 ศูนย์วิทยุตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายเข้าไปทำการงัดแงะลักทรัพย์ภายในหอพักร้างของโรงเรียนสาธิตเทศบาลวัดเพชรจริก ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงพักไม่มาก ริมถนนสายพัฒนาการทุ่งปรัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช  หลังรับแจ้งแล้ว พ.ต.ท.ธีระพล  พุ่มชัย รอง ผกก.ป.พร้อมด้วยกำลังตำรวจสายตรวจรถยนต์20 สายตรวจ จยย.,กำลัง อส.ตร.ใกล้เคียงและ จนท.รปภ.ของโรงเรียนดังกล่าว รีบรุดไปตรวจสอบทันทีเพื่อทำการจับกุมตัวคนร้าย

ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนหน้าหอพักร้าง พบคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ เดินถือถุงกระสอบข้าวสารเดินออกมาจากหอพักร้างด้วยท่าทางเร่งรีบพิรุธ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตระโกนให้หยุดและพยายามวิ่งหลบหนี กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงวิ่งไล่ตามและจับกุมตัวได้ทันควัน ซึ่งชายคนร้ายดังกล่าวพยายามขัดขืนไม่ยอมให้จับอยู่พักใหญ่ ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันรุมจับมัดชายคนดังกล่าวกอดรัดฟันเหวี่ยงคนร้ายอย่างทุลักทุเลและออกแรงจนเหนื่อย ก่อนจับกุมตัวได้และจับคนร้ายใส่กุญแจมือ ตรวจสอบภายในถุงกระสอบข้าวสารพบเครื่องมืออุปกรณ์งัดแงะทั้งคีมและไขควงจำนวนมาก ก่อนพาตัวคนร้ายไปที่รถจยย.ของคนร้ายที่จอดซ่อนไว้ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ100กว่าเมตร พบเศษเหล็กอลูมิเนียมประตูหน้าต่างจำนวนมกที่วางไว้บริเวณหน้ารถ และพบรั้วอลูมิเนียมของด้านหลังยหอพักร้างถูกคนร้ายคนดังกล่าวถอดออกไปจำนวนหนึ่งด้วย

สอบสวนทราบคนร้ายคนดังกล่าวชื่อนายเอกรินทร์หรือปอ   เรืองโรจน์ อายุ 38ปี มีประวัติเคยถูกตำรวจสภ.เมืองนครศรีธรรมราชจับกุมคดีลักทรัพย์สายไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศและทรัพย์สินอื่นๆจำนวนมากที่ในหอพักร้างดังกล่าวมาแล้ว3ครั้ง แต่เมื่อพ้นโทษก็ยังไม่เข็ดหลาบได้กลับมาก่อเหตุงัดหอพักร้างของโรงเรียนเดิมอีกครั้งจนถูกจับกุมได้เป็นครั้งที่4 สอบสวนเบื้องต้นนายเอกรินทร์หรือปอ ยังปากแข็งให้การปฏิเสธว่าไม้ได้เข้ามาลักทรัพย์แค่มาเก็บหาเศษเหล็กของเก่าไปขายเท่านั้น แต่ตำรวจไม่เชื่อเพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนโดยเฉพาะครูโรงเรียนดังกล่าวให้การยืนยันมัดตัวแน่นจึงคุมตัวนายเอกรินทร์หรือปอส่ง พงส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราชดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.