วันนี้ ( 11 ก.ย.66 )  นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 โดยระบุว่าคำแถลงนโยบาย 14 หน้า ซึ่งถือเป็นกระดุมเม็ดแรกของรัฐบาลก่อนจะดำเนินงาน หากทำสำเร็จจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในรอบ 6 เดือน รวมถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ถือเป็นนโยบายที่ชาญฉลาดและกล้าหาญ แต่ยังแฝงด้วยความสุ่มเสี่ยงอย่างมาก ประกอบกับที่นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวว่าจะเทหมดหน้าตัก ในการดำเนินนโยบาย ทำให้ต้องมองต่อไปว่าคำว่าหน้าตัก เป็นหน้าตักของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาล หรือเป็นหน้าตักของประเทศ เพราะหากดูจากงบประมาณที่รัฐบาลเตรียมใช้จัดสรรสำหรับนโยบายเงินดิจิทัลรวมสูงถึง 5.6 แสนล้านบาท สูงเท่ากับงบลงทุนใน 1 ปี จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเทงบประมาณก้อนเดียวไปที่นโยบายดังกล่าวหรือไม่ รวมทั้งต้องการทราบถึงแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเคยแถลงและชี้แจงในเอกสารต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ว่าเงินทั้งหมดมาจากการบริหารงบประมาณปกติ และการบริหารระบบภาษีรวม 4 ทาง แต่สามารถจะสรุปได้ว่าเป็นโครงการที่อยู่ในงบประมาณและอยู่ในงบประมาณรายจ่ายปี 2567 

นายคำนูณ อภิปรายตั้งคำถามรัฐบาลถึงที่มาของงบประมาณสำหรับดำเนินนโยบายเงินดิจิทัลว่าจะเป็นเงินในงบประมาณ หรือนอกงบประมาณในลักษณะใด เนื่องจากก่อนหน้านี้มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมาระบุถึงที่มาของเงินอาจมาจากการให้หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มาตรา 28 รัฐวิสาหกิจจัดทำไปก่อนแล้วรัฐตั้งงบประมาณจ่ายคืนภายหลัง เหมือนกับนโยบายการเงินการคลัง โครงการจำนำข้าวเมื่อ 10 ปีก่อน รวมทั้งยังมีประเด็นเรื่องระยะเวลาที่สามารถใช้จ่าย งบประมาณปี 67 เพราะมีการคาดการดำเนินนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทในช่วงเดือน มี.ค. 67 และต้องการทราบแหล่งเงินและวงเงินงบประมาณ หากรวมโครงการนี้กับนโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ เนื่องจากเป็นห่วงถึงแหล่งที่มาของเงินที่ยังมีปัญหา และห่วงที่อาจมีการไปแตะสินทรัพย์อื่นของประเทศ เช่น ทุนสำรองระหว่างประเทศ