เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.วันที่ 12 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน เกิดเหตุต้นมะม่วงขนาดใหญ่มหึมาหักโค่น ทับสายไฟทำให้เสาไฟฟ้าล้มกีดขวางถนนจำนวน 3 จุด ทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รถไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ เหตุเกิดบริเวณถนนมหาราช 1 หลังสถานีรถไฟเมืองประจวบคีรีขันธ์ เขตเทศบาล อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รุดตรวจสอบร่วมกับเทศกิจ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองประจวบฯ เข้าให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ**

**เมื่อไปถึงพบว่ามีต้นมะม่วงขนาดใหญ่ มีอายุมากกว่า 50 ปี ที่ขึ้นอยู่บริเวณริมถนนสายมหาราช 1 ในที่ดินของการรถไฟ หักโค่นบริเวณกลางต้นกีดขวางถนน โดยกิ่งมะม่วงขนาดใหญ่ได้ไปทับเกี่ยวสายไฟ ทำให้เสาไฟฟ้าที่อยู่ริมถนนหักโค่นเสียหายอีกจำนวน 3 ต้น มีบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายบางส่วน 1 หลัง กระเบื้องแตก หลังคาทะลุ กำแพงรั้วพังเสียหาย นอกจากนี้ยังมีป้ายบอกสถานีรถไฟเมืองประจวบคีรีขันธ์พังเสียหายอีกจำนวน 1 แผ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการตัดกระแสไฟ และรื้อถอนสายไฟเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน โดยเทศบาลเมืองประจวบฯได้นำเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเทศบาล และหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้ามาตัดกิ่งต้นมะม่วงออกเพื่อเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

 

 

 

 

 

 

นางยุพิน (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้นั่งกินกาแฟและผลไม้อยู่กับเพื่อนใกล้จุดเกิดเหตุ ในขณะนั้นกระแสลมไม่แรง แต่ก็ได้ยินเสียงรั่นดังเปรี๊ยะๆ จากนั้นก็เห็นมีกิ่งต้นมะม่วงขนาดใหญ่หักโค่นลงมาเกี่ยวสายไฟและทำให้เสาไฟล้มจำนวนหลายต้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตนเองก็ตกใจ แต่ถือว่าโชคยังดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งก่อนหน้านี้บริเวณนี้จะมีรถซาเล้ง และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดรอคิวอยู่เต็มไปหมด และมีรถวิ่งสัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก แต่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถสักคันก็ถือว่าโชคยังดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร ส่วนสาเหตุตนคาดว่าเกิดมาจากต้นมะม่วงมีกิ่งใบเยอะจนรับน้ำหนักไม่ไหว จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดำเนินการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ให้เตี้ยลง เพื่อความปลอดภัยป้องกันเหตุอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับชาวบ้าน แต่ไม่ต้องตัดออกเนื่องจากต้นไม้บริเวณนี้เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีจำนวนหลายต้น และมีอายุมากกว่า 50 ปีแล้ว และที่ดินบริเวณนี้รวมไปถึงบ้านหลังที่พังเสียหายในอดีตเคยเป็นบ้านพักโรงแรมของการรถไฟ และในปัจจุบันอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของโรงเรียน ซึ่งได้เซ้งเช่าช่วงมาจากการรถไฟนานแล้ว**