มท.1 มอบนโยบาย ปภ. ย้ำการบริหารจัดการสาธารณภัยเชิงรุก ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
25 ก.ย. 2566, 15:06
วันนี้ ( 25 ก.ย.66 ) เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุม 1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) พร้อมด้วยนายโชตินรินทร์ เกิดสม นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปภารกิจของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำข้าราชการ ปภ.ในสังกัดส่วนกลาง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 แห่ง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 76 จังหวัด รวมถึงสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณสุขจังหวัดสาขา 30 สาขา ร่วมรับมอบนโยบายผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดย มท.1 ได้เน้นย้ำวิถีการทำงานแบบ “ทีมกระทรวงมหาดไทย” ที่ “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” โดยรู้เท่าทันเหตุการณ์ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเห็นความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน กำชับให้แนวทางการบูรณาการบริหารจัดการสาธารณภัยใน 4 ประเด็นสำคัญ โดยขอให้ "ทำงานเป็นทีมด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่น และมีเป้าหมายเดียวกัน" ในการดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัย ทั้งนี้ ขอให้นำนโยบายและแนวทางการทำงานของกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสาธารณภัยของประเทศไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างสังคมไทยให้มีความปลอดภัยสูงสุด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีสำคัญในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการรับมือกับภัยพิบัติที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ จากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ทำให้บทบาทของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางในการจัดการสาธารณภัยของประเทศ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย ในโอกาสที่ได้มาตรวจเยี่ยม พบปะข้าราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของ “ทีมกระทรวงมหาดไทย” ได้มอบนโยบายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยขอให้ทำงานเป็นทีมด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่น และมีเป้าหมายเดียวกันในการดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัย พร้อมทั้งนำนโยบายและแนวทางการทำงานของกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสาธารณภัยของประเทศไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างสังคมไทยให้มีความปลอดภัยสูงสุด มุ่งเน้นการบูรณาการบริหารจัดการสาธารณภัยที่เป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติ ใน 4 ประเด็นสำคัญ
โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยในภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเอลนีโญ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงในช่วงฤดูแล้งปีหน้า จึงขอให้จังหวัดเร่งกักเก็บน้ำไว้ให้เพียงพอสำหรับการใช้ตลอดทั้งปี ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้กำชับให้ติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงเตรียมความพร้อมเครื่องมือเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้สามารถปฏิบัติงานทันทีที่เกิดภัยพิบัติ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยของจังหวัด โดยให้ยึดหลักความปลอดภัยในชีวิตของผู้ประสบภัยเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำในเรื่องการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็น 1 ใน 10 นโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ซึ่งได้มอบหมายให้จังหวัดโดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกำหนดมาตรการและแนวทางการดูแลความปลอดภัยของสถานที่ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ทั้งการจัดให้มีป้ายแจ้งเตือนและป้ายบอกทางอพยพหลายภาษาให้กับนักท่องเที่ยว การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ และการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยชายฝั่ง (Lifeguard) ในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทางถนนแก่ประชาชน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญ ก็ได้เน้นย้ำให้บูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยยึดเป้าหมายการลดอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางถนนของประเทศให้เหลือ 12 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ภายในปี พ.ศ. 2570 โดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เข้มงวดพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ เช่น การขับรถเร็ว เกินกว่ากฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย เป็นต้น รวมทั้งให้กําชับข้าราชการและบุคลากรปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย สวมหมวกขณะขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่รถยนต์ และประเด็นสุดท้ายในเรื่องของการยกระดับขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ขอให้มุ่งเน้นการให้ความรู้ในการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านของอำเภอ และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็งในการจัดการสาธารณภัย รวมทั้งให้มีการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยโดยอาศัยชุมชนเป็นฐานให้มากขึ้น
“ขอให้พวกเรามีวิถีในการทำงานแบบ “ทีมกระทรวงมหาดไทย” ที่ “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” โดยทำงานเป็นทีมด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่น และมีเป้าหมายเดียวกันในการดูแลประชาชนให้มีความปลอดภัย ซึ่งสำคัญมากสำหรับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ต้องทำงานกับความเปลี่ยนแปลงและเผชิญวิกฤติอยู่เสมอ ขอให้เป็นผู้ที่รู้เท่าทันเหตุการณ์ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเห็นความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน ผมขอชื่นชมในภารกิจที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกท่านของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ และให้ประเทศเราสามารถ “ลดความเสี่ยงเดิม ป้องกันความเสี่ยงใหม่” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงปลอดภัย อย่างยั่งยืนสืบไป ” มท.1 กล่าวเพิ่มเติม
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ จะได้นำนโยบายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของรัฐมนตรีการกระทรวงมหาดไทย มาพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการสาธารณภัย ให้เป็นระบบและมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด