"บิ๊กโจ๊ก" ร้องศาลขอความเป็นธรรม ปมตำรวจนำหมายบุกค้นบ้าน ชี้! เป็นการปกปิดข้อเท็จจริง
26 ก.ย. 2566, 14:59
วันนี้ (26 ก.ย. 66) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศาล เกี่ยวกับกรณีตำรวจ พร้อมหน่วยคอมมานโด นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักส่วนตัว ย่านวิภาวดี หลังลูกน้องคนสนิทถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บการพนันออนไลน์ ว่าการขอหมายค้นดังกล่าวเป็นการขอหมายที่มิชอบ และละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้มาขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับกรณีการขอหมายค้นที่บ้านของตน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าการขอหมายค้นมีการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล ไม่ได้บอกว่าเป็นบ้านของตนเอง พร้อมยอมรับว่า ถึงบ้านหลังดังกล่าวจะเป็นชื่อของคนอื่นก็ตาม แต่การที่จะไปขอหมายต่อศาลเพื่อไปจับกุม พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นายตำรวจติดตาม รอง ผบ.ตร. หรือ สารวัตรนนท์ ลูกน้องของตนเอง ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าสารวัตรนนท์อยู่ที่บ้านตนเอง ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าบ้านหลังนั้นใครอาศัยอยู่ เมื่อบอกข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ ศาลก็จะรู้ว่าเป็นบ้านของตนเอง และให้ความเป็นธรรม อาจไม่ออกหมายค้น โดยตอนนี้ ตนเองยังไม่มีคดี การนำกำลังมาค้นบ้านจึงเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง หลอกให้ศาลไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะการขอหมายค้นต้องมีคำไปเรียนศาล
โดยวันนี้ มายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งไต่สวน เรื่องการละเมิดอำนาจศาลในการออกหมายค้น ซึ่งวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย. 66) ลูกน้องของตนเอง จะมีการไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนในทางละเมิดคำสั่งศาล หลอกให้มีการออกหมายจับ และหมายค้นในบ้าน
ส่วนเรื่องจะเดินทางไปศาลอาญาทุจริตฯ จะเป็นเรื่องของการให้การเท็จ และแจ้งความเท็จ วันนี้ ตนขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย น้อมรับในการตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องเป็นธรรม และถูกต้อง หากไม่เป็นธรรม และส่อพิรุธ หรือมีวาระซ่อนเร้น ก็ขออนุญาตใช้สิทธิ์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อตนเอง เพราะหากตนเป็น รอง ผบตร. ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วประชาชนจะไปหาความเป็นธรรมได้จากที่ไหน
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินของลูกน้อง ที่มีความพัวพันเจ้าของเว็บพนันรายใหญ่นั้น ก็เป็นเรื่องของลูกน้อง ไม่ใช่เรื่องของตน เมื่อลูกน้องได้ประกันตัว ก็จะต้องมาซักถามว่ามีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งเมื่อตนสั่งให้ลูกน้องไปทำงาน ก็คือให้ไปทำงาน ส่วนจะมีบัญชีม้า หรือเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ น.ส.มินนี่ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว เพราะเงินที่ให้ลูกน้อง ให้ไปทำงาน ส่วนลูกน้องจะไปหมุนอย่างไร ไม่ทราบ เมื่อลูกน้องได้ประกันตัว ต้องเอาทนายมานั่งถามว่าวันๆ ทำอะไรกัน
ทั้งนี้ การบุกค้นดังกล่าว ต้องดูว่ามีเจตนาทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ การบุกไปค้นบ้าน และจัดแถลงข่าวใหญ่โต ว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน หากลูกน้องทำผิด ไม่ใช่ว่าตนเองต้องทำผิดด้วย ภาพที่เราร่วมร้องเพลงกับ น.ส.มินนี่ นั้น ลูกน้องของตนเองเป็นผู้พา น.ส.มินนี่ มาร้องเพลง เจอกันครั้งเดียว ตนเองไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
สำหรับบ้านทั้งหมด 5 หลัง เป็นชื่อ เฮียแต๋ม ซึ่งเป็นญาติของตน คนละนามสกุล ทำธุรกิจอยู่ที่ จ.อุดร โดยตนมาเช่าอยู่ มีสัญญาเช่า จ่ายค่าเช่าเดือนละ 5 หมื่น แต่ตนพักอยู่แค่ 2 หลัง โดยตนเสนอจะจ่ายมากกว่านี้ เขาไม่เอา บ้านหลังอื่นใช้เก็บของ ไม่ได้อยู่ ทั้งนี้ นำตัวเฮียแต๋มมาสอบปากคำได้เลย เพราะเฮียแต๋มไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จะแฉว่ามีนักข่าว และทนายชื่อดัง เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ใครจะทำเว็บพนันไม่ใช่เรื่องของตน ค่าเช่าบ้านทั้งหมดเป็นเงินที่ต้องจ่ายทุกเดือน ผบ.ตร. ให้งบลับมาใช้ ตนก็ใช้งบลับทำงาน หากมีส่วนเกินตนจ่ายเอง
ส่วนหลังจากนี้ จะมีการเอาคืนหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่ได้เอาคืน แต่ใครผิดก็ดำเนินคดีอาญา และฟ้องกันไป วันนี้ยังไม่ได้เริ่มฟ้อง มาขอความเป็นธรรมกับศาลอย่างเดียว ทั้งนี้ ตนรู้หมดว่ามีคนสั่งการเรื่องนี้ ส่วนจะดำเนินคดีหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน
รองผบ.ตร. ย้ำว่า เป็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเมื่อวานนี้ตนได้พูดคุยกับ ผบ.ตร. และได้ถามถึงเรื่องการเข้าตรวจเมื่อวานนี้ ซึ่งท่าน บอกว่า ก่อนหน้านี้มีเพียงได้รับรายงานว่าจะมีการเข้าตรวจค้น ซึ่ง ผบ.ตร. ได้บอกกับผู้ที่ได้รายงานว่า หากจะเข้าค้นก็ให้มาบอกกันก่อน แต่ตำรวจกลับเข้าไปค้น และมารายงานทีหลัง ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นั่นก็หมายความว่าคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้มาจาก ผบ.ตร.
อย่างไรก็ตาม ตนต้องรักษาสิทธิ์ และศักดิ์ศรีของตน อาจไม่มีข้อหาถึงตน แต่ทำให้เสียชื่อเสียง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ หรือไม่นั้น ตนขอไม่ออกความคิดเห็น ให้สื่อมวลชนไปคิดเอาเอง