"ทนายอนันต์ชัย" รับเป็นทนายให้ "บิ๊กโจ๊ก" สู้คดีบุกค้นบ้านพัก
27 ก.ย. 2566, 15:09
วันนี้ (27 ก.ย.66) ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางมาที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต แถลงเปิดตัวเป็นทนายความให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทนายอนันต์ชัย ให้สัมภาษณ์ก่อนแถลงข่าวว่า เมื่อคืนนี้ได้รับการติดต่อจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลใน 2 ส่วน ส่วนแรก คือ กรณีมีบุคคลไม่หวังดีมากลั่นแกล้ง รวมถึงเรื่องของการค้นบ้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่วนที่ 2 คือเรื่องของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกออกหมายจับ 8 คน ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด หากตรวจสอบแล้วพบว่า กระทำความผิด ก็ต้องรับโทษไป จะไม่ปกป้องคนทำผิดอย่างแน่นอน
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนเคยเป็นทนายความของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เคยเกิดขึ้นในสมัยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในสมัยที่ตนเป็นทนายความให้ด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าหนักกว่าตอนนี้ จึงรู้สึกไม่หนักใจ เบื้องต้นได้พูดคุยในทีมทนายเเล้วว่าหลังจากนี้การให้สัมภาษณ์ใดๆก็ตาม จะต้องผ่านทีมทนายความเท่านั้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ เเล้วไปสู้กันในชั้นศาล
ทนายอนันต์ชัย ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเรื่องนี้จึงต้องมาเกิดก่อนที่จะมีการเลือกผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติคนใหม่ ตนเชื่อว่าประชาชนหรือแม้กระทั่งเด็กอนุบาลก็น่าจะมองออก ว่าปฏิบัติการค้นบ้านมีเจตนาอะไร และการออกหมายค้นก็มองว่าไม่ปกติ เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้การเอาหน่วยคอมมานโดบุกไปที่บ้าน เป็นเรื่องที่ไม่สมควร และตนไม่เชื่อว่าตำรวจที่ไปค้นบ้านจะไม่รู้ว่าเป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกลั่นเเกล้ง ดิสเครดิตอย่างเเน่นอน หน้าที่ของตนคือจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ทั้งต่อศาลและสาธารณชน
ส่วนเรื่องที่มีภาพ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ "มินนี่" เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แล้วถูกนำมาโยงกันนั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ เวลาจะเดินทางไปที่ไหนย่อมมีคนมาขอถ่ายรูปเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งคนที่มาขอถ่ายรูป หรือร่วมเฟรมภาพ อาจจะมีทั้งคนดีรวมไปถึงคนที่ทำผิดกฎหมายปะปนกันไป ดังนั้นการที่ถ่ายรูปกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความผิดไปด้วย เพราะการกระทำความผิดจะต้องดูที่เจตนาไม่ใช่การถ่ายรูป
นอกจากนี้ ขออย่าเอาเรื่องของลูกน้อง ที่กระทำผิดมารวมกับผู้บังคับบัญชา เพราะการที่ลูกน้องทำผิดไม่ได้หมายความว่าผู้บังคับบัญชาจะทำผิดด้วย เพราะเรื่องเส้นทางการเงินทั้งหมดนั้นตนเองทราบหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และเรื่องนี้ตนเองจะไม่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดอีกแล้ว ทนายความจะเป็นผู้พูดแทน พร้อมย้ำว่า "ไม่ต้องกลัว งานนี้ผมเอาอยู่" และจะขอเปลี่ยนฉายาให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใหม่ จาก"โจ๊กหวานเจี๊ยบ" เป็น"โจ๊กอัคนี"สื่อถึงเปลวเพลิงที่เผาทุกสิ่งทุกอย่าง เเละมีความเเข็งเเกร่ง หลังจากนี้ จะตั้งวอร์รูม มีทีมทนายความคอยดูการสัมภาษณ์ของแต่ละบุคคลผ่านสื่อ หากพบว่าใครที่พาดพิง ก็จะมาพิจารณาว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่