เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กู้ศักดิ์ศรีสืบภาค 7 ลุยเองหลังถูกแก๊งคนร้ายแอบอ้างอุ้มสาวใหญ่รีดเงิน


28 ก.ย. 2566, 05:21



กู้ศักดิ์ศรีสืบภาค 7 ลุยเองหลังถูกแก๊งคนร้ายแอบอ้างอุ้มสาวใหญ่รีดเงิน




วันที่ 27 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดเหตุกลุ่มแก๊งคนร้ายจำนวน 4 คน อ้างตัวเป็นตำรวจชุดสืบภาค 7 ขับรถเก๋ง Honda Civic สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่บริเวณกระจกหลังติดสติ๊กเกอร์ คล้ายตราโลโก้ตำรวจตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด และคำให้การของผู้เสียหาย จากนั้นปาดหน้ารถจักรยานยนต์ ของนางพัชรี (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ขณะเดินทางกลับบ้านหลังจากไปส่งหลานสาวที่โรงเรียน แล้วถูกกลุ่มคนร้ายสวมหมวกไม่ได้สวมแมส 1 คน เข้ามาล็อคคอ จากนั้นมีชายสวมแมสอีก 3 คน เข้ามาใช้ผ้าดำคลุมหัวแล้วใช้ปืนจี้ศีรษะพาตัวขึ้นรถออกจากหมู่บ้านดอนเหียง หมู่ 10 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ออกจากหมู่บ้านไป ซึ่งห่างจากบ้านพักของผู้เสียหาย ประมาณ 50 เมตร เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น.ของวันที่ 20 ก.ย.66 ที่ผ่านมา โดยได้มีการเรียกเงินค่าไถ่จำนวน 300,000 บาทและต่อรองเจรจาลดลงเหลือจ่ายไป 200,000 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายต้น หรือนายธาราพงษ์ ผู้ที่ร้อนตัวแชทข่มขู่ฝากผ่านญาติถึงผู้เสียหาย มาสอบสวนพร้อมยึดรถเก๋งต้องสงสัยของภรรยานายต้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นรถที่ใช้ในวันก่อเหตุมาตรวจสอบ โดยนายต้นเคยเป็นอดีตลูกเขยของผู้เสียหายนานมาแล้ว และได้ย้อนกลับมาลักพาตัวอดีตแม่ยายไปเรียกค่าไถ่ขณะเดินทางกลับจากส่งลูกสาวของตัวนายต้นเองที่โรงเรียน ซึ่งขณะนี้นายต้นผู้ต้องหาถูกนำตัวฝากขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากมีประวัติอาชญากรรมเคยก่อเหตุมาหลายคดี เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนและยาเสพติด รวมถึงทะเลาะวิวาท และเกรงว่าจะมีการไปข่มขู่ฝ่ายผู้เสียหายให้หวาดกลัว ตามที่ผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้

 

 


 



คืบหน้าวันนี้ล่าสุด พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 7 ระดมกำลังลงในพื้นที่แกะรอยหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด โดยกระจายกำลังแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองประจวบฯ ซึ่งคาดว่าเป็นที่กบดานของกลุ่มขบวนการคนร้ายที่มาอ้างชื่อชุดสืบภาค 7 ในการร่วมก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่า 4 คน และรถที่ใช้ในการก่อเหตุมีมากกว่า 1 คัน เนื่องจากคำให้การของผู้เสียหายระบุว่ามีการไปจอดสับเปลี่ยนรถระหว่างทาง โดยได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารเหมือนของตำรวจดังขึ้น และมีการเรียกชื่อคำว่าแงะในระหว่างถูกควบคุมตัว ซึ่งการที่กลุ่มคนร้ายเอาชื่อชุดสืบภาค 7 ไปแอบอ้างในการก่อเหตุส่งผลให้ชุดสืบภาค 7 ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งจากการตรวจสอบตำรวจชื่อแงะหลังถูกผู้เสียหายกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุด้วยนั้น เมื่อตรวจสอบแล้วมีตัวตนอยู่จริงในพื้นที่ ยศสิบตำรวจโท แต่ว่าจะมีส่วนร่วมในกระบวนการก่อเหตุจริงหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติงาน 

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.ต.พยุงศักดิ์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปภ.) หรือสิงห์ดำ และขอให้ช่วยประสานงานกับ ส.ต.ท.แงะให้สัมภาษณ์ชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อสื่อมวลชน แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยระบุว่า ส.ต.ท.แงะไม่ได้เป็นลูกน้องผู้ปฏิบัติงานใต้การบังคับบัญชาของตนเอง ซึ่ง ส.ต.ท.แงะได้ปฏิบัติงานอยู่ในชุดทีมสืบสวนของจังหวัด เพียงแต่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.)เท่านั้น ถ้าผู้สื่อข่าวอยากจะขอสัมภาษณ์ให้ไปติดต่อที่กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดประจวบฯ

 

 


ในส่วนของความเชื่อมโยง หลังจากที่นางพัชรี ผู้เสียหายได้มีการยืนยันว่าบุคคลที่ใส่หมวกและไม่ได้ปิดแมสเป็นบุคคลที่เดินเข้ามาล็อคคอก่อนพาตัวขึ้นรถไปมีใบหน้าคล้ายกับตำรวจที่ชื่อ ส.ต.ท.แงะซึ่งลูกสาวของผู้เสียหายรู้จักมักคุ้น เนื่องจากเป็นเพื่อนกับนายต้นอดีตแฟนของลูกสาวผู้ต้องหาที่จับมาได้แล้วนำภาพมาเปิดให้ดู เรื่องนี้ ด้าน พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ความคืบหน้าของคดียังไม่มีความคืบหน้าอยู่ในระหว่างกระบวนการสืบสวน และในส่วนของตำรวจชื่อ ส.ต.ท.แงะยังไม่พบหลักฐานความเชื่อมโยงในการก่อเหตุ โดยหลังจากเชิญตัว ส.ต.ท.แงะมาให้ปากคำได้ให้การปฏิเสธในการร่วมก่อเหตุ แต่ได้มีการยอมรับสารภาพว่าถูกนายต้นไหว้วานให้ช่วยเช็คข้อมูลว่ามีบุคคลใดมาแจ้งความอย่างไรบ้าง ถ้าอยากทราบรายละเอียดและข้อสงสัยต้องไปสอบถามผู้บังคับบัญชาของนายแงะ และตัวนายแงะเอาเอง เนื่องจาก ส.ต.ท.แงะไม่ใช่ลูกน้องสังกัดภูธรเมืองประจวบฯ

ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นข้อสงสัยของฝ่ายผู้เสียหายว่า หากตำรวจชื่อแงะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะโทรมาถามลูกสาวฝั่งผู้เสียหายทำไม และตัวนายแงะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นตำรวจภาค 7 มาจับกุมตัวนางพัชรี หากถูกนายต้นซึ่งเป็นเพื่อนกันหลอกอ้าง ตัว ส.ต.ท.แงะเองเป็นตำรวจซึ่งทำงานชุดสืบน่าจะสามารถตรวจสอบเช็คได้ว่าตำรวจภาค 7 มาปฏิบัติงานในพื้นที่จริงหรือไม่ ก่อนที่จะโทรมาบอกฝ่ายผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจชุดสืบจากภาค 7 ที่มาจับกุมตัวนางพัชรี ซึ่งยังเป็นข้อสงสัยและแสวงหาคำตอบจากฝ่ายผู้เสียหาย

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.