เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



จำคุก 9 ปี พร้อมเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง 5 ปี "นิพนธ์" ละเว้นไม่จ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทาง


28 ก.ย. 2566, 15:06



จำคุก 9 ปี พร้อมเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง 5 ปี "นิพนธ์" ละเว้นไม่จ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทาง




วันนี้ ( 28 ก.ย.66 ) เวลา 09.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดพังคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 167/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ นายนิพนธ์ บุญญามนึ จำเลย ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลยหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้จำเลยพันจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง

ชั้นรับฟ้อง จำเลยลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2564 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง จึงไม่จำต้องมีคำสั่งให้จำเลยหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษาและให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลย ตามการไต่สวนแล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัย ประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ดำเนินการไต่สวนตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2561 และวินิจฉัยแล้วเสร็จวันที่ 17 กันยายน 2563 เกิน 2 ปี ไม่ชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 48, 192 เห็นว่าในส่วนที่เกี่ยวกับเวลาการดำเนินคดีนั้น มีสองกรณี คือ ระยะเวลาดำเนินการตามมาตรา 48 กรณีหนึ่ง และ
ระยะเวลาฟ้องคดีตามมาตรา 77 วรรคแปด อีกกรณีหนึ่ง ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต่างกัน กล่าวคือ ระยะเวลาในการดำเนินการมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินการ ได้ดำเนินการไต่สวนหรือวินิฉัยให้เสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลา เนื่องจากพฤติการณ์และมูลแห่งคดี เกี่ยวข้องกับพยานหลักฐานและบุคคล อีกทั้งอาจจะต้องปฏิบัติการอันสำคัญที่เกี่ยวกับคำสั่ง สัญญาและทรัพย์สิน อันเป็นมูลแห่งการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยผู้ที่มีได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จเพร าะเหตุ

จงใจปล่อยปละละเลยหรือประมาทเลินเล่อ ผู้นั้นจะต้องถูกพิจารณาสอบสวนและดำเนินการลงโทษระยะเวลาในการดำเนินการจึงมิใช่เรื่องอำนาจพ้อง ส่วนอายุความนั้นมีวัตถุประสงค์โดยนิตินโยบายของรัฐเพื่อคุ้มครองจำเลยและรักษาพยานหลักฐานให้คงอยู่เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาล อีกทั้งหากเป็นพยานบุคคลก็จะต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงความถูกต้องแม่นยำในการให้ข้อมูลหรือเบิกความต่อศาล จึงกล่าวได้ว่าอายุความมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองจำเลยและเป็นเรื่องอำนาจฟ้องซองโจทก์อันแตกต่างอย่างชัดแจ้งกับระยะเวลาในการดำเนินการที่มีวัตถุประสงค์กำหนดระยะเวลาการปฏิบัติงานของผู้มีหน้าที่ไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยเรื่องที่มีการกล่าวหา ดังนั้น มาตรา 48 วรรคห้าตอนท้าย และมาตรา 77 วรรคแดตอนท้าย จึงได้กำหนดให้การไม่ปฏิบัติตามภายในกรอบระยะเวลาดำเนินการด้วยเหตุจงใจ ปล่อยปละละเลยหรือประมาทเลินเล่อจะต้องถูกพิจารณาสอบสวนและดำเนินการลงโทษ ส่วนการฟ้องคดีนั้นเป็นไปตามมาตรา 48 วรรคห้าตอนแรก และมาตรา 77
วรรคแปดตอนแรก บัญญัติสาระสำคัญว่า ภายใต้กำหนดอายุความ เมื่อพันระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังคงมีหน้าที่และอำนาจที่จะดำเนินการไต่สวนหรือมีความเห็นหรือวินิจฉัยหรือดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป และการฟ้องคดีย่อมกระทำได้ถ้าฟ้องภายในอายุความ ทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2561 และมีผลใช้บังคับตั้งแวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 อันเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 

เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2561 โดยชอบอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 45 ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามกรทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับจึงเป็นอันใช้ได้ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มิได้บัญญัติกำหนดเวลาการไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยไว้ดังเช่น มาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามกรทุจริต พ.ศ. 2561 ประกอบกับเหตุตามพ้องเกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2562 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี มีอายุความสิบห้าปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (2) โจทก์พ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นการฟ้องภายให้กำหนดอายุความ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อมาว่า โจทก์มีอำนาจขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสองหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะแจ้งข้อกล่าวหา รวบรวมพยานหลักฐานและไต่สวนข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ก็ดี ที่ประชุมโจทก์
ในการประชุมครั้งที่ 107/2563 วันที่ 17 กันยายน 2563 ได้มีมตีให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) ตามคำวินิจฉัยเอกสารหมาย จ.1 หน้า 93/4 ถึง 93/5 เป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 192 วรรคหนึ่งตอนท้ายแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่บัญญัติเป็นสาระสำคัญว่า เว้นแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติให้ดำเนินการต่อไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกอบ กับคำขอเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี เป็นมาตรการจำกัดสิทธิในทางการเมืองตามมาตรา 81 ประกอบ 93 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มิใช่โทษในทางอาญา
สำหรับลงแก่ผู้กระทำความผิด โจทก์ย่อมมือำนาจขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน ๑0 ปี ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ เห็นว่า ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิก จ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 47 การซื้อเช่าทรัพย์สิน หรือจ้างทำของ ให้หน่วยงานผู้เบิกรีบดำเนินการวางฎีกาเบิกเงินโดยเร็วอย่างช้ไม่เกินห้าวันนับจากวันที่ได้ตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงานถูกต้อง ข้อ 60 วรรคหนึ่ง ให้หัวหน้าหน่วยงานคลังหรือเจ้าหน้าที่การเงินที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ตรวจฎีกา ข้อ 62 ฎีกาที่ตรวจถูกต้องแล้วตาม ข้อ 60 ให้หัวหน้าหน่วยงานคลังหรือเจ้าหน้าที่การเงินที่ได้รับมอบหมายนำเสนอผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ที่บริหารท้องถิ่นมอบหมายเป็นผู้อนุมัติฎีกา และข้อ ๖๔ การอนุมัติฎีกาเบิกเงินเพื่อจ่ายเป็นค่าซื้อทรัพย์สินหรือจ้างทำของ ในกรณีที่ไม่มีเหตุทักท้วง ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามวันทำการนับถัดจากวันรับฎีกา ในกรณีที่มีเหตุทักท้วงให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามวันทำการนับถัดจากวันที่ผู้เบิกได้แก้ไขถูกต้องแล้ว แม้โจทก์ไม่มีฎีกาซึ่งหัวหน้าหน่วยงานคลังหรือเจ้าหน้าที่การเงินนำเสนอจำเลยพิจารณาเป็นหลักฐาน คงมีเพียงบันทึกส่วนราซการ ฝ่ายจัดหาพัสดุและทรัพย์สิน กองพัสดุและทรัพย์สิน ลงวันที่ 26 มีนาคม 2556 (ที่ถูก 2557) เสนอจำเลยว่า ผู้ขายจดทะเบียนรถใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 

กองพัสดุและทรัพย์สินได้ส่งเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายให้กองช่างตามหนังสือ ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 และผู้ขายมีหนังสือลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 แจ้งว่ายังไม่ได้รับการเบิกจ่ายเงินเสนอจำเลยเพื่อทราบตามเอกสารหมาย จ.69 ก็ดี พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยเห็นควรยื่นแบบคำขอจดทะเบียนรถใหม่แก่สำนักงานขนส่งจังหวัดสงซลา และมอบอำนาจให้ผู้ขายเป็นผู้ดำเนินการโอนทะเบียนแทนผู้ซื้อ และลงนามหนังสือถึงขนส่งจังหวัดสงขลาตามเอกสารหมาย จ.65 และ จ.66 แสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้ข้อเท็จจริงดีว่าผู้ซื้อมีหน้าที่มอบอำนาจให้ผู้ชายเป็นผู้ดำเนินการโอน ทะเบียนแทนผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เลขที่ 22/2556 ข้อ 6 เอกสารหมาย จ.50 ก่อนดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 และรู้ว่า คณะกรรมการตรวจรับพัสดุเห็นว่าการตรวจรับพัสดุนั้นมีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วนรับพัสดุไว้แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่พัสดุลงบัญชีครุภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับทำใบตรวจรับพัสดุฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2556 มอบให้แก่ผู้ซื้อเป็นหลักฐานประกอบการขอรับงินตามสัญญาและระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 แล้ว ผู้ขายอาจพ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ซื้อได้นับแต่วันที่จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มอบอำนาจให้ผู้ขายเป็นผู้ดำเนินการโอนทะเบียนแทนผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2556ส่วนที่จำเลยทำหนังสือองค์กรบริหารส่วนจังหวัดสงซลา ที่ สข 51007/5922 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2556 ถึงกรรมการผู้จัดการบริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ให้ผู้ขายทำการทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิค และจะได้ดำเนินการจดทะเบียนรถใหม่กับกรมการขนส่งทางบกต่อไปตามเอกสารหมาย จ.59 นั้นหนังสือก็มีข้อความยอมรับว่าคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ จำนวน 2 คัน ไว้เป็นการถูกต้องตามสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556 จำเลยก็มิได้แจ้งถึงเหตุคณะกรรมการตรวจรับพัสดุโดยมิชอบตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 หรือปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาปฏิบัติราชการแทนโดยไม่มีอำนาจและไม่มีผลผูกพันจำเลย หรือมีข้อร้องเรียนว่าผู้ขายอาจกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ประกอบพฤติการณ์ที่จำเลยยืนยันว่าผู้ชายต้องทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิคอีกครั้งก่อนจะดำเนินการจดทะเบียนตามเอกสารหมาย จ.59 ยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากผู้ชายทำหนังสือฉบับที่ 1 ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แจ้งให้จำเลยทราบเรื่องการตรวจรับพัสดุและการเบิกจ่ายเงินว่า
ผู้ขายส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาให้แก่ผู้ซื้อโดยเรียบร้อยตามที่กำหนดไว้ในสัญญาขอให้พิจารณาดำเนินการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกตามเอกสารหมาย จ.58 และหนังสือฉบับที่ 2 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556 ถึงจำเลย 

ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 15 และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขอให้เร่งรัดการดำเนินการโอนทะเบียนและเบิกจ่ายเงินตามเอกสารหมาย ศ.1 และ ศ.2 และเจือสมกับเหตุที่นายอิทธิพล ผู้กล่าวหาพยานโจทก์เดินทางไปขอพบจำเลยที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และกล่าวอ้างว่านายสุวิทย์ จิตบรรจง เลขานุการโดยตำแหน่งของจำเลย และนายถึก เลขาส่วนตัวของจำเลยเรียกค่าดูแลการดำเนินการร้อยละ 10 ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างเหตุร้องเรียนการประมูลซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ และจังหวัดสงขลาให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอันอาจมีกรณีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นมูลเหตุไม่ดำเนินการจ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิก จ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ล้วนเป็นเรื่องที่อยู่ในความรู้เห็นของจำเลยภายหลังจากวันที่ 18 ตุลาคม 2556 และจำเลยปฏิบัติหน้าที่สั่งการให้ทดสอบหรือตรวจสอบในทางเทคนิคโดยมิชอบตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ลงนามมอบอำนาจให้ผู้ชายเป็นผู้ดำเนินการโอนทะเบียนแทนผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย ข้อ 6 ตามเอกสารหมาย จ.54 และ จ.56 และเป็นผลโดยตรงต่อการไม่ดำเนินการเบิกจายระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิก จ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2567 ข้อ 47 และข้อ 64 แล้วข้ออ้างในทำนองว่ารักษาประโยชน์ของทางราชการจึงมีพิรุธขาดความน่าเชื่อถือและไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่สั่งการให้ทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิคและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มอบอำนาจให้ผู้ขายดำเนินการโอนทะเบียนให้กับผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เลขที่ 22/2556 ข้อ 6 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 (4) มีเจตนาโดยตรงเพื่อประวิงเวลาให้ผู้ขายไม่สามารถดำเนินการโอนทะเบียนและไม่สามารถรับการชำระเงินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิก จ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงิน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2549 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ชายและองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดสงขลา การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และข้อต่อสู้อื่นๆ ของจำเลยเกี่ยวกับการกระทำอันอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นมูลเหตุจูงใจภายหลังการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าวแล้ว และไมได้เป็นเหตุที่จำเลยยกขึ้นโต้แย้งผู้ขายในขณะที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่สั่งการให้ทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิคและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มอบอำนาจ
ให้ผู้ขายดำเนินการโอนทะเบียนให้กับผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เลขที่ 22/2556 ข้อ 6 ตั้งแต่ ต้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้มีผลคดีเลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราซการ และไมได้กระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรงจึงเห็นสมควรเพิกถอนเฉพาะสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของจำเลย

อนึ่ง ภายหลังการกระทำความผิด ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 7 ให้ยกเลิกอัตราโทษในมาตรา 157 และให้ใช้อัตราโทษใหม่แต่กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายเดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) จำคุก 9 ปี และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลา 5 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93วรรคสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.