"หมอชลน่าน" หารือ รมว.ยุติธรรม ร่วมเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด
1 ต.ค. 2566, 15:40
วันนี้ ( 1 ต.ค.66 ) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงการหารือกับ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ในประเด็นความร่วมมือในการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องลดยาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็น 1 ใน 3 งานการป้องกันปราบปราม บำบัดรักษาฟื้นฟู ซึ่งจากการหารือกับกระทรวงยุติธรรมมี 3 ประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการและร่วมมือกัน ประเด็นแรก คือ การค้นหาผู้ที่เข้านิยามว่าผู้เสพคือผู้ป่วยที่จะต้องเข้าสู่การบำบัดรักษาและฟื้นฟู ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีกระบวนการตามมาตรฐานอยู่แล้ว โดยคัดกรองผู้ป่วยเป็น 3 ระดับ คือ สีแดง ใช้ต่อเนื่องเลิกไม่ได้ อาการรุนแรง สีเหลือง ใช้บ่อย อาการปานกลาง และสีเขียว ใช้น้อย ไม่มีอาการ โดยระดับสีแดงและสีเหลืองรวมประมาณ 4.59 แสนคน จะเข้ารับการบำบัดในสถานพยาบาล/โรงพยาบาล ส่วนกลุ่มสีเขียวประมาณ 1.46 ล้านคน จะให้การบำบัดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBTx) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อคืนคนสู่สังคมอย่างปลอดภัย ในส่วนกระทรวงยุติธรรม จะรับผิดชอบเรื่องงบประมาณ ซึ่งเป็นงบบูรณาการที่ใช้ในการบำบัดรักษาฟื้นฟูให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 เรื่องการออกกฎกระทรวงฯ กำหนดปริมาณยาเพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ที่ประชุมมีมติให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องไปหารือเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีหลักการและเหตุผลรองรับ ทั้งมิติเชิงสุขภาพ มิติเชิงสังคมมิติเชิงเศรษฐกิจ โดยให้เร่งดำเนินการเร็วที่สุด ส่วนประเด็นที่ 3 เป็นเรื่อง Quick Win ที่จะทำร่วมกัน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศแล้วว่าใน 100 วัน จะจัดตั้ง 1 จังหวัด 1 “มินิธัญญารักษ์” ส่วนของกระทรวงยุติธรรมที่จะมีการประกาศ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ สำหรับเรื่องกัญชาไม่ได้มีการหารือกัน แต่ได้ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปหารือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เกี่ยวกับกฎหมายที่ออกมารองรับ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายชัดเจนว่าให้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
“เรามองผู้เสพคือผู้ป่วย ไม่ว่าเสพกี่เม็ดก็ถือเป็นผู้ป่วยทั้งหมด และจัดเข้าสู่ระบบบำบัดฟื้นฟูตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ ส่วนเรื่องการครอบครองหากเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด จะถือว่าเป็นการครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งต้องได้รับโทษตามหลักประมวลกฎหมายยาเสพติด” นายแพทย์ชลน่านกล่าว