สกนช.คาดการณ์กองทุนน้ำมันน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดปี 66 ติดลบแสนล้านบาท
3 ต.ค. 2566, 16:02
วันนี้ ( 3 ต.ค.66 ) นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบ 1 ปีตามปีงบประมาณ ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 ว่า กองทุนน้ำมันฯ ได้ดำเนินการตามบทบาทในการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานในช่วงวิกฤตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 สถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มผ่อนคลาย ฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เคยติดลบสูงสุดถึง 130,000 ล้านบาท ก็ทยอยลดลง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ติดลบ 65,732 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 20,806 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 44,926 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการนำกลไกลดภาษีสรรพสามิตดีเซลเข้ามาช่วยพยุงราคาน้ำมัน และกองทุนทยอยลดการอุดหนุนน้ำมันดีเซล จนปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ผ่านกลไก ลดภาษีสรรพสามิตจัดเก็บลดลง 2.50 บาทต่อลิตร และใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาราคาขายปลีก
นอกจากนี้ การออกพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 ได้มีส่วนช่วยทำให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับและยังบริหารจัดการได้โดยสถานะการกู้ยืมเงินของ สกนช. ได้ทยอยกู้ยืมเงินโดยสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2566 โดยลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงเทพ รวม 105,333 ล้านบาท ปัจจุบัน สกนช. เบิกเงินกู้ยืมแล้วจำนวน 55,000 ล้านบาท และมีวงเงินกู้ยืมที่เบิกได้อีก 50,333 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเบิกออกมาใช้ครั้งละ 5,000 บาทตามความเหมาะสม ซึ่งจะมีเพียงพอในการบริหารการดูแลดีเซล และ LPG เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปีนี้ ราคาน้ำมันดีเซลและ LPG ตลาดโลกยังคงสูงขึ้น สกนช. จึงคาดการณ์ว่าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดปี 2566 จะติดลบประมาณ 90,000-100,000 ล้านบาท พร้อมประมาณการราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกในปี 2567 จะอยู่ที่ 115 -130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจัยการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและโอเปกพลัส ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงสูง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เป็นต้น ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสมโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล และก๊าซ LPG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญมีผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน และคาดว่าจะสามารถนำวงเงินกู้ยืมที่ยังเหลืออีก 50,333 ล้านบาท มาช่วยรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศได้ตามวัตถุประสงค์ที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้ สกนช.จึงได้เตรียมจัดทำแนวทาง(Scenario) เพื่อรองรับการรักษาเสถียรภาพราคาดีเซล และ LPG คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้ระดับนโยบายเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการ