"ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจน์" เชิญ ส.ส.ร่วมประชุมเตรียมพร้อมรับ ครม.สัญจร เตรียมเสนอผลักดันโครงการต่างๆ ของจังหวัดกาญจน์
12 ต.ค. 2562, 16:38
วันนี้ 12 ต.ค. 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจน์ เชิญ ส.ส. ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ประชุม เพื่อรับทราบข้อมูลที่จะพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับทราบในเบื้องต้น ก่อนนำไปเสนอต่อ พลประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะนำ ครม.สัญจร เดินทางมาเป็นจังหวัดแรกในเดือน พ.ย. 2562 นี้ ได้เป็นข้อมูลในเบื้องต้นแก่ ส.ส. จังหวัดกาญจน์ ได้รับทราบก่อน โดยโครงการหลักๆ ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม โครงการขยายสนามบินของกองพลทหารราบที่ 9 ให้สามารถรองรับเครื่องบินพานิชย์ ขนาดใหญ่ได้ และเส้นทางไปสู่บ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ออกไปยังท่าเรือน้ำลึกเมืองทวาย ประเทศเมียนมา ซึ่งไทยได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 4,500 ล้านบาท ให้แก่ประเทศเมียนมา ในการดำเนินการทำเส้นทางจากชายแดนบ้านพุน้ำร้อนไปยังท่าเรือน้ำลึก
นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมต้อนรับคณะ ครม.สัญจร นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ที่จะเดินทางมาประชุมเป็นครั้งแรกและจังหวัดแรก ของการเข้าดำรงตำแหน่ง ทำให้ ส.ส. ในพื้นที่รู้สึกภูมิใจมากๆ ตลอดจนประชาชนชาวกาญจนบุรี ต่างเฝ้ารอการต้อนรับคณะ ครม.สัญจร ที่จะมาถึงในเดือน พฤศจิกายน 2562 นี้ และขอฝากไปถึงประชาชนชาวกาญจน์ ทุกสาขาอาชีพร่วมรับคณะ ครม. สัญจร ในครั้งนี้กันถ้วนหน้าด้วย
และคาดว่าคณะ ครม. ที่เดินทางมาประชุมสัญจรในครั้งนี้จะดูโครงการต่างๆ ที่จะพัฒนาจังหวัดกาญจน์ ในทุกๆ ด้าน เช่นปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม การจัดทำโครงการเก็บน้ำเป็นการถาวร โครงถนน ไปสู่ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งในฝั่งของประเทศเมียนมา ไทยได้ปล่อยเงินให้ประเทศเมียนมา กู้ไปแล้วกว่า 4,500 บาท ไปแล้ว
ส่วนนายผกายเนติ์ เล่งอี้ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับกรณี จะปัดฝุ่นโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศเมียนมา โดยจะหารือในความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย พม่า และญี่ปุ่น จะได้ข้อยุติและทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายฯ เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ไม่เกินภายในต้นปี 2563 ว่า
หากโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้น เชื่อว่าชาวบ้านหรือประชาชนทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่ ต้องได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะจะต้องมีการจ้างงานเกิดขึ้น จะมีการซัพพลายสินค้าที่เป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในท้องถิ่น หรือนำเอาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการในท้องถิ่นมาช่วยในการผลิตหรือมาช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษแถบนี้ขึ้นมา ผมคิดว่าไม่มากก็น้อยที่จังหวัดกาญจนบุรี จะได้รับผลกระทบไปในทางที่ดี และจะได้รับผลประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ติดกับด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อนอย่างแน่นอน
สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย มีความเป็นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ซึ่งรัฐบาลไทยโดย NADA รัฐบาลเมียนมา และญี่ปุ่น ร่วมกันจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อเป็นหน่วยงานธุรกิจที่รับสัมปทานการพัฒนาโครงการทวายตลอดจนระดมทุน คัดเลือกนักลงทุน เพื่อพัฒนาโครงการ ซึ่งประกอบด้วย การสร้างท่าเรือ นิคมฯ ถนนสายทวาย-บ้านพุน้ำร้อน โรงงานผลิตไฟฟ้า ระบบประปา ระบบโทรคมนาคม ที่พักอาศัย และห้างสรรพสินค้า
โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดเวทีสัมมนา “กาญจนบุรี-ทวาย ประตูสู่โลกตะวันตก” ขึ้นที่โรงแรมราชศุภมิตร จ.กาญจนบุรี โดยวิทยากรจากภาครัฐ ผู้กำหนดนโยบายและภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจกับเมียนมา
การดำเนินโครงการการสัมมนาประสบความสำเร็จในการสร้างการรับรู้กระตุ้นสร้างแรงจูงใจในการวางแผนธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชนเป็นจำนวนมากโดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนามากถึง 350 คน เกินจากเป้าหมายที่ได้กำหนดเอาไว้ ใน 350 คนมีชาวเมียนมาและชาวเวียดนามมาร่วมรับฟังด้วย
ซึ่งการสัมมนาในวันดังกล่าว นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการต่างประเทศ ได้บรรยายภาพรวมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดกาญจนบุรี และนโยบายของกรมการค้าต่างประเทศ ที่มุ่งส่งเสริมการค้าชายแดน
ส่วน ดร.ณรงค์ ป้อมหลักทอง กรรมการบริษัท Dawei SEZ Development จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลไทย (NADA)ถือหุ้นร่วมกับรัฐบาลเมียนมา และญี่ปุ่น เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยได้บรรยายถึงความเป็นมาของโครงการทวาย และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนี้นายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย บรรยายแนวทางการพัฒนาโลจิสติกส์ในจังหวัดกาญจนบุรี และแนวทางการยกระดับให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นศูนย์กลางการขนส่งอีกด้วย
ทั้งนี้ในช่วงเสวนาได้เชิญวิทยากร ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในจังหวัดกาญจนบุรีที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับเมียนมา มาแลกเปลี่ยนแนวคิดประกอบด้วย นายปัญญา วุฒิประจักษ์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประสานงานบริษัทพร้อมเพรียงชัย จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ 2,979 ไร่
ได้ชี้แจงความคืบหน้าการส่งมอบพื้นที่จากกรมธนารักษ์ว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในต้นปี 2563 จากนั้นบริษัทจะเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่โดยเปิดให้นักลงทุนเช่าพื้นที่ได้ในระยะเวลา 50 ปีและต่อสัญญาได้อีก 49 ปีโดยจะได้รับเอกสารสิทธิ์ นส.4 ร ซึ่งสามารถนำไปเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้และจะได้รับสิทธิพิเศษตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนจาก BOI อาธิ การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และการผ่อนปรนกฎระเบียบการจ้างแรงงานต่างด้าว
ส่วนนายเทิดศักดิ์ กิตติวรากูล เลขานุการชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดนไทยเมียนมาร เจ้าของกิจการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในกรุงย่างกุ้งและผู้ส่งออกสินค้าไทยไปยังเมียนมา ได้เล่าประสบการณ์การทำธุรกิจโดยเสนอว่าผู้ประกอบการที่จะเริ่มต้นการส่งออกสู่เมียนมา จะต้องศึกษาข้อมูลกฎระเบียบต่างๆรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆเช่นการขอ From D จากกรมการค้าต่างประเทศเพื่อได้รับการยกเว้นภาษี
นายสหพันธ์ รุ่งโรจนพณิชย์ รองประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี และประธานอาวุโสกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่(YEC) จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้นำเสนอมุมมองของนักธุรกิจรุ่นใหม่ว่า เป็นโอกาสที่ดีแก่ผู้ประกอบการในการทำธุรกิจกับเมียนมา โดยหอการค้าพร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา นอกจากนี้ได้ประชาสัมพันธ์งาน “ยกทวายขึ้นบก” ระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน 62 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี และเชื่อมโยงการค้าระหว่างจังหวัดกาญจนบุรีเมืองทวาย
ขณะที่นางเมทิกา อำนาจเจริญพร กรรมการและเลขานุการเครือข่ายธุรกิจ Biz Club จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของกิจการปุ๋ย เสนอว่าควรใช้โอกาสจากการมีพื้นที่ชายแดนติดกับเมียนมา และเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรหลากหลายชนิด ในการเป็นศูนย์กลางรวบรวมและส่งออกสินค้าเกษตรไปยังเมียนมา
นายผกายเนติ์ เล่งอี้ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยต่อว่า จากความได้เปรียบด้านที่ตั้งที่สามารถเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งสินค้าจากยุโรปตะวันออกกลางสู่ทวายและกาญจนบุรี จึงควรยกระดับจังหวัดกาญจนบุรีให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้าระหว่างท่าเรือน้ำลึกทวาย ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (SEC)โดยนำโครงการ Dubai SilK Road as The Multimodal Trade Hub ที่เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ Dubai เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมการค้าระหว่างยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย มาเป็นต้นแบบ
สำนักงานส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์กรมหาชน)หรือ NEDA ได้เสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติการให้เงินกู้แก่รัฐบาลเมียนมาเพื่อสร้างถนน 2 ช่องทาง เชื่อมต่อท่าเรือน้ำลึกทวายกับด่านชายแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ระยะทางรวม 140 กิโลเมตร อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 ต่อปี ระยะเวลาปลอดหนี้ 10 ปี และระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ 20 ปี รวมเป็น 30 ปี
โดยแบ่งสัญญาจ้างก่อสร้างถนนเส้นนี้แบ่งออกเป็น 2 สัญญา ได้แก่เส้นทางจากท่าเรือน้ำลึกทวายถึงเมืองเมตตา (Myitta) ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร และจากเมืองเมตตาถึงชายแดนบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรีระยะทางประมาณ 88 กิโลเมตร ซึ่งผู้ประมูลงานได้มีสิทธิ์ดำเนินการได้เพียง 1 สัญญาการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ปี พ.ศ. 2567
โดย ผอ. NEDA ได้กล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า NADA ได้พิจารณาวงเงินให้กู้จำนวน 4,500 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ครม. สัญญาจ้างคาดว่าจะเริ่มต้นได้ในปี 2563 โดยมีข้อกำหนดให้ผู้รับจ้างจะต้องใช้วัสดุก่อสร้างจากไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และให้ผู้รับจ้างเบิกเงินค่าก่อสร้างจาก NADA