ลพบุรีแล้งหนัก "แม่น้ำวิกฤต" รุงแรงในช่วงรอบกว่า 30 ปี ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก
30 ธ.ค. 2562, 17:13
เมื่อเวลา 12.00น วันที่ 30 ธ.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news จังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบ ภัยแล้งในพื้นที่ ตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ได้เกิดวิกฤตภัยแล้งอย่างหนัก พบแม่น้ำลพบุรี ณ สะพานข้าม บริเวณหน้าวัดบ้านดาบ ตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี แห้งสนิท ในรอบ 30 ปี ซึ่งไม่เคยแห้งแต่ในปัจจุบันนี้ได้ขาดแคลนน้ำอย่างหนักส่งผลกระทบถึงการผลิตน้ำดิบให้กับการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดลพบุรี จนเกิดวิกฤตเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบถึงประชาชนไม่มีน้ำผลิตข้าวสุกประปาและการทำสวนทำไร่และทำนา
จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของ แม่น้ำลพบุรี สะพานท่าข้าม วัดบ้านดาบ ในพื้นที่ ตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ที่เริ่มส่อความรุนแรงเพิ่มขึ้น หลังจากที่แม่น้ำลพบุรีแม่น้ำสายหลักของชาวบ้าน ตำบลโก่งธนู ตำบลงิ้วราย ตำบลโพธิ์เก้าต้น เริ่มแห้งขอดเป็นเป็นช่วง ๆ เริ่มตั้งแต่ บริเวณหน้าวัด บ้านดาบ ตำบลโก่งธนู ที่ปริมาณน้ำเหลือน้องลงจนแห้งขอดจนทำให้ผู้เลี้ยงปลากระชังได้รับความเดือดร้อน
ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำบางขามหลายหมื่นครอบครัว เริ่มหวั่นที่จะขาดแคลนน้ำใช้อุปโภค บริโภค และภัยแล้ง ในครั้งนี้หนักที่สุดในรอบกว่า 30 ปี เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก ขาดแคลนน้ำไปผลิตน้ำประปาในพื้นที่เมืองลพบุรี และใกล้เคียงอย่างหนัก ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีข้าราชการประกาศภาวะภัยแล้งในพื้นที่ลพบุรีเลย ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเป็นวงกว้าง
ผู้สื่อข่าว ONB NEWS รายงานเพิ่มเติมว่า นายอนัน จรุงโรจน์รัศมี นายอำเภอบ้านหมี่ พร้อมกับปลัดอำเภอ กำนันตำบลบางขาม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ที่เริ่มส่อความรุนแรงเพิ่มขึ้น หลังจากที่แม่น้ำบางขาม แม่น้ำสายหลักของชาวบ้านใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองลพบุรี, อำเภอบ้านหมี่, อำเภอท่าวุ้ง เริ่มแห้งขอดเป็นเป็นช่วงๆ เริ่มตั้งแต่ บริเวณวัดมหาสอน ตำบลมหาสอน ที่ปริมาณน้ำเหลือน้องลงจนแห้งขอด จนทำให้ผู้เลี้ยงปลากระชังได้รับความเดือดร้อน ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำบางขามหลายพันครอบครัว เริ่มหวั่นที่จะขาดแคลนน้ำใช้อุปโภค บริโภค และภัยแล้ง ในครั้งนี้หนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นายอนัน จรุงโรจน์รัศมี นายอำเภอบ้านหมี่ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางอำเภอได้มีการเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว โดยเบื้องต้นได้มีการประชุมชาวบ้านให้งดการทำนาปรัง หากพบมีการสูบน้ำนำไปใช้ในการเกษตรจะมีการตักเตือนก่อน หลังจากนั้นก็จะมีการยึดสายพานเครื่องสูบน้ำหากยังมีการสูบน้ำอีกเพราะว่าถือว่ามีการทำความเข้าใจกันแล้ว เนื่องจากช่วงน้ำต้องมีการเก็บน้ำไว้สำหรับอุปโภค บริโภคในช่วงหน้าแล้งก่อน ส่วนข้าวนาปีที่ปลูกครั้งแรกจะใช้วิธีการเปียกสลับแห้งหลอกข้าวเพื่อไม่ให้ข้าวเสียหาย
ด้าน นายประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.เขต.1 ลพบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงและประสานงาน กับทางผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำ ที่ 10 โคกกะเทียม (นายอนุศร ตันติวุธ ) และหัวหน้าช่างกล โครงการส่งน้ำบำรุงรักษา ประตูน้ำมโนรมณ์ ดูแลเครื่องสูบน้ำคลองส่งน้ำชัยนาท ป่าสัก) สรุปข้อเท็จจริงได้ ดังนี้
1. เหตุที่ทำให้น้ำประปาลพบุรี ไหลขาดตอน คือ ทางแม่น้ำเจ้าพระยาแห้งมาก ระดับน้ำสูงไม่ถึงปากประตูน้ำมโนรมณ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.62 ซึ่งโดยปกติน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลผ่านประตูน้ำมโนรมณ์ (คลองชัยนาท ป่าสัก) ประมาณ 15 ลบ เมตร/นาที่ เมื่อน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาแห้ง ระดับน้ำต่ำกว่าระดับประตูน้ำจำนวนมวลน้ำในคลองชัยนาท ป่าสักหายไป ทำให้น้ำมีน้อย ไม่พอใช้ และส่งน้ำมาไม่ถึงอำเภอเมือง
2.แต่เครื่องสูบน้ำที่มีอยู่จำนวน 3 เครื่อง ของชลประทาน ยังทำงานปกติ สูบน้ำส่งเข้าคลองชัยนาท ป่าสัก 15 ลบ เมตร/นาที แต่ก็ไม่พอใช้อยู่ดี
3. ปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.62 ทางเขื่อนภูมิพลได้ ปล่อยร้ำลงมาในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ระดับน้ำสูงกว่าระดับประตูน้ำ มโนรมณ์แล้วทำให้น้ำไหลจากประตูน้ำเพิ่มขึ้น 15 ลบ เมตร/นาที
4. วันที่ 29 ธ.ค. 63 เวลา 13.30 น. น้ำในแม่น้ำ เจ้าพระยา บริเวณปากประตูน้ำมโนรมณ์ มีจำนวน มากขึ้น โดยทางเขื่อนภูมิพลได้ปล่อยน้ำมากขึ้น
มีระดับสูงกว่าประตูน้ำมโนรมณ์ น้ำได้ไหลผ่าน ประตูน้ำมโนรมณ์ 15 ลบ เมตร /นาที และรวมกับน้ำ ที่ได้จากการสูบจากเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง อีก 15 ลบ เมตร / นาที่ ของชลประทาน (รวมน้ำที่ส่งเข้าคลองชัยนาทป่าสัก อยู่ในภาวะปกติ รวมมวลน้ำ 30 ลบเมตร / นาที) มวลน้ำจะไหลถึงท่อสูบน้ำดิบของประปาจังหวัดลพบุรี ณ บริเวณ สระพาน 7 เวลาประมาณ 20.00 น.
สรุปได้ว่าน้ำประปาลพบุรีจะเข้าภาวะปกติสามารถส่งน้ำได้ตามปกติไม่เกิน 21.00 น. ของวันที่ 29 ธ.ค.62 และสำหรับมีผู้สอบถามว่ามวลน้ำที่เขื่อนภูมิพลจะมีน้ำพอใช้จนถึงเดือนเมษายน (ก่อนถึงฤดูฝน) หรือไม่จากการสอบถามทาง (ผู้อำนวยการ อนุศร) แจ้งยืนยันว่า น้ำที่มีอยู่ในเขื่อนภูมิพลจะมีน้ำพอใช้ สามารถปล่อยน้ำมาให้ ประชาชนใช้ อุปโภค บริโภคได้จนถึงเดือน มิถุนายน 63 ในช่วงนี้จะถึงฤดูฝนแล้ว